บทความเด่น: ยิ่งกว่าหยาดเหงื่อและแรงบันดาลใจ
นิตยสาร Life ยกย่องเขาว่าเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งแห่งสหัสวรรษ จำนวนสิ่งประดิษฐ์ที่เขาคิดค้นก็น่าทึ่ง – มีถึง 1093 อย่าง เขาถือสิทธิบัตรมากกว่าใครๆ โดยได้รับอย่างน้อยทุกๆ ปีเป็นเวลา 65 ปีติดต่อกัน เขายังได้พัฒนาห้องทดลองค้นคว้าวิจัยสมัยใหม่เขาผู้นี้คือ โธมัส เอดิสัน เมื่อพูดถึงความสามารถของเอดิสัน คนส่วนใหญ่ยกย่องความเป็นอัจฉริยะในการประดิษฐ์ของเขา แต่เขาเองยกย่องการทำงานหนัก เขากล่าวว่า “อัจฉริยะก็คือหยาดเหงื่อ 99% และแรงบันดาลใจ 1%” ผมเองเชื่อว่าความสำเร็จของเอดิสันเป็นผลมาจากปัจจัยที่ 3 ด้วย นั่นก็คือทัศนคติที่ดีของเขา อ่านต่อ...
บทความที่น่าสนใจ The 3rd Birthday ล่าสุดสดๆร้อนๆ / ไทยจ่อเลิกใช้“แบล็คเบอร์รี่” / Code Geass R2 รางวัล การ์ตูนญี่ปุ่น Anime ยอดเยี่ยมปี 2009 / พลิกปูมงบ ส.ส.ในอดีต / ความลับของ Internet / Amazing in Thailand / สุดเซอร์ไพรส์ 6 เรื่องแปลก ผ่าน Facebook ที่คุณต้องอ่าน... / Nielsen รายงาน Android แซง iPhone ได้เป็นครั้งแรก
เด็กใจแตก บ้านยากจนที่เติบใหญ่แล้วได้ดี มีแต่ในละครโทรทัศน์เท่านั้น
คุณคิดเช่นนั้นไหม ถ้าใช่ ลองปล่อยความคิดให้ว่าง เปิดใจให้กว้าง แล้วไปทำความรู้จักกับ โอปราห์ วินฟรีย์ “นางเอก” ผู้มีตัวตนอยู่จริงพร้อมๆ กัน



54 ปีก่อน เด็กหญิงโอปราห์ถือกำเนิด ณ ฟาร์มแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในครอบครัวยากจน อีกทั้งยังเป็นคนผิวสีท่ามกลางสังคมที่มองกันเพียงเปลือกนอก สองสิ่งนี้คือคุณสมบัติอันนำมาซึ่งความเสียเปรียบยิ่งโชคร้ายแค่นี้ยังไม่พอ ในวัย 9 ขวบเธอถูกลูกพี่ลูกน้องข่มขืน มิหนำซ้ำยังโดนเพื่อนชาย และลุงแท้ๆ

ลวนลามเป็นประจำ โอปราห์ไม่ปริปากบอกใคร ได้แต่เก็บความเจ็บปวดคับแค้นนี้ไว้กับตัว พออายุได้ 14 ปี โอปราห์ก็ตั้งท้อง ลูกชายของเธอเสียชีวิตหลังคลอดไม่กี่สัปดาห์ การสูญเสียดังกล่าวทำให้ชีวิตของเธอพังยับเยิน แต่เธอก็ปฏิญาณตนว่าจะพลิกฟื้นชีวิตอันย่อยยับกลับคืนมาให้จงได้ 40 ปีผ่านไปบัดนี้ เธอคือผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จ และทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก

เด็กสาวซึ่งชีวิตเหลวแหลกคนนั้น ข้ามอุปสรรคขวากหนามมากมาย กระทั่งปีนป่ายไปยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูงระดับโลกได้อย่างไร หนังสือสร้างคนมานักต่อนัก คำกล่าวนี้น่าจะหมายรวมถึงโอปราห์ด้วย
ยายผู้เลี้ยงดูเธอในวัยเยาว์คือผู้ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน และคอยบ่มเพาะนิสัย “คิดบวก” ให้แก่เด็กหญิง ยายบอกว่าหลานของเธอเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ คำพูดนี้เป็นแรงผลักดันอันมากพอที่จะทำให้เธอมั่นใจกับก้าวต่อๆ ไปของชีวิต

โอปราห์เริ่มใช้พรสวรรค์ด้านการสื่อสารที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเป็นครั้งแรก โดยการอ่านบทเทศนาให้คนใน
โบสถ์ ฟัง ด้วยวัยเพียง 19ปี เธอได้เป็นผู้ประกาศข่าววิทยุที่อายุน้อยที่สุด และเป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกของอเมริกาที่ได้ทำหน้าที่นี้ หลังจากนั้นหญิงสาวก็ย้ายตัวเองทำงานสายโทรทัศน์เรื่อยมา

จนอายุได้ 30 ปี จึงเกิดเหตุการณ์สำคัญถึงขั้นพลิกชีวิต เธอมีโอกาสได้ทำงานเป็นพิธีกรรายการ
ทอล์คโชว์ชื่อ “AMChicago" ด้วยความฉลาดมีไหวพริบในการตั้งคำถาม และบุคลิกอันโดดเด่นของโอปราห์
ทำให้เรตติ้งรายการพุ่งสูงเป็นอันดับ 1 ของเมืองชิคาโก หลังจากออกอากาศไปได้เพียง 1 เดือน จนต้องเพิ่มเวลาแถมยังใช้ชื่อของเธอเป็นชื่อรายการแทนชื่อเก่าอีกด้วย

เพียง 2 ปีต่อจากนั้น “The Oprah Winfrey Show" กลายเป็นรายการทอล์คโชว์ที่มีเรตติ้งสูงสุดเท่า ที่วงการทีวีสหรัฐฯ เคยมีมา ความสำเร็จนี้ทำให้เธอผันตัวจากลูกจ้างกลายมาเป็นเจ้าของบริษัท Harpo (มาจากชื่อเธอแต่เขียนกลับตัวอักษร) เพื่อผลิตรายการเอง

นอกจากรายการโทรทัศน์ ผู้หญิงเก่งคนนี้ยังหันไปจับงานอีกหลายแขนง อาทิ การออกนิตยสารผู้หญิงชื่อ O หรือ “The Oprah Maga-zine" ซึ่งทำยอดผู้อ่านได้กว่า 2 ล้านคน และสร้างสถิติทำกำไรได้เร็วที่สุด การก่อตั้งเว็บไซต์โอปราห์ดอทคอมซึ่งมียอดเข้าชมกว่า 70 ล้านครั้งต่อเดือน การร่วมแสดงภาพยนตร์ “The Color Purple" ของสปีลเบิร์กผู้กำกับภาพยนตร์ จนได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ฯลฯ

แต่ในที่สุดฝันร้ายจากวันวานก็ตามมาหลอกหลอนเธอจนได้ เพราะแค่ถูกคนใกล้ชิดล่วงละเมิดทางเพศใน วัยเด็กยังไม่พอ โอปราห์ในยามโตกลับโชคร้ายยิ่งกว่า เมื่อถูกพ่อบังเกิดเกล้าข่มขืนซ้ำแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ทางกาย หากเป็นการข่มขืนจิตใจที่สร้างความเจ็บช้ำไม่แพ้กันด้วยวิธีแฉประจาน

ทันทีที่ได้รับแจ้งว่า เวอร์นอน วินฟรีย์ กำลังจะขายลูกสาวกินด้วยการเขียนหนังสือแฉชีวิตเธอ โอปราห์
รู้สึก ผิดหวังและสะเทือนใจมาก ก่อนหน้าเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า พ่อคือคนที่ช่วยให้เธอผ่านเรื่องเลวร้ายจากการสูญเสียลูกชายไปได้ ซึ่งทำให้เธอซาบซึ้งใจมาก ทว่าปัจจุบันพ่อกลับออกมาบอกว่า เขาควรจะทำโทษหรือกวดขันเธอให้มากกว่านี้ เพราะเขาเห็นว่าโอปราห์เป็นลูกสาวที่ดื้อด้านและแสนเกเร อีกทั้งยังหมายจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนชายให้สังคมรู้อีกด้วย

แม้จะถูกผู้เป็นพ่อหักหลัง แต่ความนิยมในตัวโอปราห์หาได้ลดลงไม่ เพราะไม่ว่าจะจัดอันดับผู้ที่ประสบความ สำเร็จ ร่ำรวย มีชื่อเสียง หรือมีอิทธิพลต่อชาวโลกครั้งไหน เจ้าแม่ทอล์คโชว์คนนี้เป็นต้องติดอันดับกับเขาทุกครั้ง ทว่าที่น่าชื่นชมที่สุดเห็นจะเป็นตำแหน่งคนใจบุญนั่นเอง ในปี ค.ศ.2006 นิตยสาร ฟอร์บส์ ยกย่องให้เธอเป็น 1 ใน 3 คนบันเทิงที่บริจาคเงินเพื่อการกุศลมากที่สุด

ใน ฐานะที่ทุ่มทุนกว่า 50 ล้านดอลลาร์ ให้องค์กรการกุศลของเธอเอง อย่างเครือข่าย Oprah’s Angel และมูลนิธิเพื่อเด็กและสตรี The Oprah Winfrey Foundation เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮอร์ริเคนแคทรีนา และแก้ปัญหาสังคม จากนั้นในปี ค.ศ.2007 โอปราห์ก็ได้รับการโหวตให้เป็นคนใจบุญอันดับ 1 ของโลก หลังบริจาคเงินเข้ากองทุน The Giving Back Fund เกือบ 60 ล้านดอลลาร์ นอกจากอำนาจเงิน (และอำนาจแห่งความดี) แล้ว เธอยังใช้อำนาจของการเป็นสื่อมวลชนผลักดันสิ่งดีๆ

ออก สู่สังคมอย่างต่อเนื่อง เช่นเรียกร้องให้รัฐสภาสหรัฐฯ ออกกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการทำร้ายเด็กและเยาวชนจนสำเร็จ และได้ชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “กฎหมายของโอปราห์” (Oprah’s Law) รวมทั้งเป็นตัวตั้งตัวตีในการนำเสนอกิจกรรมดีๆ ให้คนทั้งโลกได้มีส่วนร่วมฟรี เช่นจัด Oprah’sSoul Series Webcast ทอล์คโชว์ออนไลน์ ว่าด้วยเรื่องการพัฒนาจิตวิญญาณร่วมกับกูรูระดับโลกอย่าง Eckhart Tolle ผู้เขียนหนังสือ The Power of Now และ A New Earthซึ่งโอปราห์ยกย่องว่าเป็นหนังสือที่ดีที่สุดในโลก

นิยายชีวิตของโอปราห์ วินฟรีย์ เป็นแรงบันดาลใจให้เห็นว่า แม้อดีตจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาพร้อมกับศักยภาพอันทรงพลัง มากพอที่จะยกระดับปรับเปลี่ยนชีวิตและพัฒนาตนเองได้ ความสำเร็จรออยู่ข้างหน้า จงตั้งใจมั่นและทำปัจจุบันให้ดีที่สุด จำไว้ว่าอนาคตที่สวยงามเป็นจริงได้ และคุณเท่านั้นคือผู้กำหนด

ที่มา : kbeautifullife

0 Response to 'โอปราห์ วินฟรีย์ ชีวิตที่ยิ่งกว่านิยาย'

แสดงความคิดเห็น

Categories