
เมื่อพูดถึงความสามารถของเอดิสัน คนส่วนใหญ่ยกย่องความเป็นอัจฉริยะในการประดิษฐ์ของเขา แต่เขาเองยกย่องการทำงานหนัก เขากล่าวว่า “อัจฉริยะก็คือหยาดเหงื่อ 99% และแรงบันดาลใจ 1%” ผมเองเชื่อว่าความสำเร็จของเอดิสันเป็นผลมาจากปัจจัยที่ 3 ด้วย นั่นก็คือทัศนคติที่ดีของเขา
เอดิสันเป็นมองโลกแง่ดี เขามองเห็นสิ่งที่ดีที่สุดในทุกสิ่งทุกอย่าง เขากล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า “หากทำทุกสิ่งที่เราสามารถแล้วล่ะก็ เราจะต้องทึ่งในตัวเองอย่างเหลือล้น” ตอนที่เขาต้องลองถึง 1,000 ครั้งเพื่อหาวัสดุที่เหมาะสมสำหรับไส้หลอดไฟนั้น เขาไม่คิดว่าการทดลองที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นความล้มเหลว แต่เขากลับมองเห็นว่าในแต่ละครั้ง เขายิ่งเรียนรู้เพิ่มขึ้นว่า มีวัสดุใดบ้างที่ใช้การไม่ได้ และนั่นยิ่งทำให้เขาเข้าใกล้คำตอบเข้าไปทุกที เขามั่นใจโดยไม่สงสัยเลยว่า เขาจะพบคำตอบในที่สุด เราสามารถสรุปความเชื่อของเขาได้จากคำพูดของเขาเองที่ว่า “ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นในชีวิตหลายต่อหลายครั้งนั้น ก็มาจากการที่คนเราไม่รู้ว่าเขายอมแพ้ไปใน ขณะที่เขาเกือบจะประสบความสำเร็จอยู่รอมมะล่อ”
ครั้งที่เอดิสันได้แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดที่สุดถึงความมีทัศนคติที่ดี ก็น่าจะเป็นช่วงที่เขาต้องเผชิญภัยพิบัติตอนอายุกว่า 65 ปี ในขณะนั้นห้องทดลองที่เขาสร้างขึ้นในเมืองเวสท์ออเรนจ์ รัฐนิวเจอร์ซี่ กำลังมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เขาเรียกอาคารชุดทั้ง 14 หลังว่าเป็นโรงงานสิ่งประดิษฐ์ของเขา อาคารหลักมีความใหญ่โตมโหฬาร – ขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอลอเมริกันถึง 3 สนามรวมกันจากฐานปฏิบัติการ ณ อาคารหลังนี้ เขาและทีมงานได้จินตนาการสิ่งประดิษฐ์, พัฒนาตัวอย่าง, ผลิตผลงาน, และบริการจัดส่งให้ลูกค้านับเป็นต้นแบบแห่งการค้นคว้าวิจัยและขบวนการผลิตสมัยใหม่
เอดิสันรักอาคารหลังนี้มาก เขาใช้เวลาทุกนาทีที่นั่นเท่าที่จะทำได้ เขาถึงกับนอนที่นั่น บ่อยครั้งที่นอนกับโต๊ะปฎิบัติการทดลอง แต่แล้ววันหนึ่งในเดือนธันวาคม ปี 1914 ได้เกิดเพลิงไหม้ห้องทดลองอันเป็นที่รักเขา ขณะยืนดูอยู่ข้างนอกและมองตึกถูกเพลิงเผาผลาญอยู่นั้น มีคนได้ยินเขาบอกว่า “ลูกๆ ไปตามแม่มาดูซิ แม่คงไม่มีโอกาสเห็นไฟไหม้อย่างนี้อีก”
ถ้าเป็นคนอื่นก็คงรู้สึกหมดหวังไปแล้ว แต่เอดิสันไม่เป็นเช่นนั้น “ผมอายุ 67 ปี” เขากล่าวหลังอัคคีภัย “แต่ยังไม่แก่เกินกว่าที่จะเริ่มต้นใหม่ ผมเคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายอย่างนี้มามากต่อมากแล้ว” เขาสร้างห้องทดลองขึ้นมาใหม่และทำงานต่ออีกถึง 17 ปี “ผมยังมีไอเดียอีกมากมาย แต่มีเวลาซิมีน้อย” เขากล่าว “ผมคิดว่าผมน่าจะมีอายุแค่ 100ปีโดยประมาณเท่านั้น” เขาเสียชีวิตตอนอายุ 84 ปี
หากเอดิสันไม่ได้มีการมองโลกในแง่ดี เขาคงไม่ประสบความสำเร็จในฐานะสุดยอดนักประดิษฐ์ ถ้าคุณดูชีวิตคนในอาชีพใดๆ ก็ตามที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง คุณจะพบว่าแทบทุกคนมองชีวิตในแง่ดีอยู่เสมอ
การมีทัศนคติที่ดีนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิผล ทัศนคติที่ดีไม่เพียงช่วยให้คุณมองชีวิตในแง่ดีเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อการคบค้าสมาคมกับคนอื่นอีกด้วย
ที่มา: หนังสือ 21 คุณสมบัติหลักแห่งการเป็นผู้นำ โดย John C. Maxwell
Tweet
0 Response to 'ยิ่งกว่าหยาดเหงื่อและแรงบันดาลใจ'
แสดงความคิดเห็น