บทความเด่น: ยิ่งกว่าหยาดเหงื่อและแรงบันดาลใจ
นิตยสาร Life ยกย่องเขาว่าเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งแห่งสหัสวรรษ จำนวนสิ่งประดิษฐ์ที่เขาคิดค้นก็น่าทึ่ง – มีถึง 1093 อย่าง เขาถือสิทธิบัตรมากกว่าใครๆ โดยได้รับอย่างน้อยทุกๆ ปีเป็นเวลา 65 ปีติดต่อกัน เขายังได้พัฒนาห้องทดลองค้นคว้าวิจัยสมัยใหม่เขาผู้นี้คือ โธมัส เอดิสัน เมื่อพูดถึงความสามารถของเอดิสัน คนส่วนใหญ่ยกย่องความเป็นอัจฉริยะในการประดิษฐ์ของเขา แต่เขาเองยกย่องการทำงานหนัก เขากล่าวว่า “อัจฉริยะก็คือหยาดเหงื่อ 99% และแรงบันดาลใจ 1%” ผมเองเชื่อว่าความสำเร็จของเอดิสันเป็นผลมาจากปัจจัยที่ 3 ด้วย นั่นก็คือทัศนคติที่ดีของเขา อ่านต่อ...
บทความที่น่าสนใจ The 3rd Birthday ล่าสุดสดๆร้อนๆ / ไทยจ่อเลิกใช้“แบล็คเบอร์รี่” / Code Geass R2 รางวัล การ์ตูนญี่ปุ่น Anime ยอดเยี่ยมปี 2009 / พลิกปูมงบ ส.ส.ในอดีต / ความลับของ Internet / Amazing in Thailand / สุดเซอร์ไพรส์ 6 เรื่องแปลก ผ่าน Facebook ที่คุณต้องอ่าน... / Nielsen รายงาน Android แซง iPhone ได้เป็นครั้งแรก
ถาม ซิทอัพวันละหลายครั้ง พุงไม่ลด กล้ามท้องก็ไม่ขึ้นเสียที เป็นเพราะอะไร

ตอบ การซิทอัพ คือการทำให้หน้าท้องแข็งแรงเท่านั้นครับ ไม่ได้ทำให้พุงลด หรือผอมลง หรือเกิดกล้ามท้องเป็นลอนได้หรอกครับ ผมขออธิบายเรื่องกล้ามท้องก่อนสักนิดนะครับ ความคิดที่ว่าบริหารแต่กล้ามท้องมากๆ แล้วพุงจะลดจนมีหน้าท้องเป็นลอนนั้น เป็นความคิดที่ผิดมหันต์เลยครับ เหตุผลก็คือ ในร่างกายเราทุกคน จะมีชั้นไขมันคลุมเป็นแผ่นบางๆ (เขาเรียกว่า Layer) ไว้ทั่วร่าง ใครก็ตามที่ทำให้แผ่น Layer นี้บางลงได้ คนนั้นก็จะมีกล้ามเนื้อชัดทั้งตัวครับ รวมไปถึงหน้าท้องด้วย

เมื่อดูภาพทั้งสองแล้ว ก็จะเห็นว่าขนาดร่างกายของทั้งสองภาพแทบไม่ต่างกันเลย ไม่ว่าจะเป็นแขน เอว ฯลฯ แต่เมื่อรีดเอาชั้นไขมัน (Layer) ออกจากภาพทางด้านซ้ายแล้ว ก็จะเห็นว่าภาพทางขวา เห็นกล้ามท้องชัดขึ้น และกล้ามส่วนอื่นๆก็ชัดตามไปด้วย ไม่ใช่ชัดแค่กล้ามท้องอย่างเดียว

ในทางกลับกัน ถ้าคุณบริหารแต่หน้าท้อง โดยหวังที่จะให้ Layer ตรงหน้าท้องหายไปที่เดียว เพื่อจะได้กล้ามท้องชัดๆนั้น ไม่มีทางทำได้ครับ แล้ววิธีแก้คืออะไร วิธีแก้ก็คือต้องออกกำลังกาย ให้ร่างกายไปนำเอา Layer เหล่านี้มาแปลงเป็นพลังงาน การทำเช่นนี้จะทำให้ Layer บางลงเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้พลังงานมากแค่ไหนนั่นเอง และวิธีดีที่สุดคือการเพาะกายครับ คุณเพาะกายครึ่งชั่วโมง โดยยกน้ำหนักมากๆ ยังมีค่ามากกว่าไปวิ่งตั้งสามชั่วโมง เพราะการวิ่งเป็นการออกกำลังกายแบบ arobic คือใช้ออกซิเจนมาสร้างพลังงาน แต่การยกน้ำหนักจะใช้พลังงานในร่างกาย (ที่มาจาก Layer) เป็นวัตถุดิบครับ เรียกว่า nonarobic จึงทำให้คุณสลาย Layer ได้ดีกว่า

เมื่อเรามีอายุมากขึ้น อัตราการเผาผลาญอาหาร (Metabolism) ก็จะช้าลงครับ สมมติว่าในวัยที่คุณอยู่วัยรุ่น คุณทานข้าวหนึ่งจาน ร่างกายก็เผาผลาญเป็นพลังงานไปหมด โดยไม่เหลือเก็บไว้ จึงทำให้คุณในวัยนั้นไม่มีไขมันจับตามหน้าท้องหรือต้นขา หรือใต้คางครับ คราวนี้เมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณทานข้าวจานเดียวกันนั้น ในปริมาณเท่ากัน แต่เนื่องจากร่างกายมีอัตราการเผาผลาญอาหารที่ต่ำลงกว่าแต่ก่อน จึงทำให้ยังไม่ทันที่จะเผาผลาญอาหารพวกนั้น เป็นพลังงานได้หมด มันก็หนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ใต้ผิวหนังคุณซะแล้ว (ไปซ่อนเป็น Layer ไงครับ) ก็คือไขมัน หรือความหนาที่หน้าท้องคุณยังไงเล่าครับ

ดังนั้นวิธีแก้มีสองวิธีคือ 1.เอา Layer ที่มีอยู่แล้วออก และข้อ 2.กำจัดสิ่งที่จะไปเป็น Layer ใหม่ซะ และสองวิธีนี้ วิธีการมีอยู่ข้อเดียวครับ คือการออกกำลังกาย โดยข้อ 1.ที่ว่าให้เอา Layer ที่มีอยู่แล้วออกนั้น ผมก็ได้อธิบายไปแล้วข้างต้นนะครับ ส่วนข้อ 2. ที่ว่ากำจัดสิ่งที่จะไปเป็น Layer ก็คือการทำให้อัตราการเผาผลาญอาหารสูงขึ้นนั่นเองครับ และวิธีที่จะทำให้มันสูงขึ้นก็คือการเพาะกายครับผม

ย้อนกลับมาเรื่องการซิทอัพสักเล็กน้อยนะครับ ว่าทำไมมันก็เป็นการเล่นกล้ามอย่างหนึ่ง แต่ทำไมละลาย Layer ไม่ได้ ความจริงมันละลายได้ส่วนหนึ่งนะครับ แต่ถ้าคุณซิทอัพอย่างเดียว มันใช้พลังงานน้อยมากครับ อย่างมากก็ไม่เกิน 50 แครอลี แต่อาหารที่เราทานเข้าไปทุกวันน่ะ จะอยู่ที่ 2,000 แครอลี่ คิดดูแล้วกันว่าคุณใช้พลังงานไปแค่นิดเดียว ดังนั้นที่เหลือมันก็กลายเป็นไขมันน่ะสิครับ นี่แหละคือคำตอบที่ว่าคุณควรจะเพาะกายเต็มรูปแบบ เพื่อให้มันเอาไขมันพวกนั้น มาสลายตัวเป็นพลังงาน แล้วใช้ให้หมดไปครับ

ส่วนถ้าสงสัยว่า แล้วการวิ่งจะลดหน้าท้องได้หรือไม่ ก็ได้ว่า ได้ครับ แต่สู้การเพาะกายไม่ได้ เพราะมีงานวิจัยออกมาแล้วว่า จริงอยู่ที่ขณะเราที่เราวิ่งออกกำลังกาย ใช้เวลาเท่าๆกับการเพาะกายนั้น การวิ่งจะเอาไขมันมาสลายเป็นพลังงานได้มากกว่า แต่ว่าทันทีที่เราพัก คือหมายถึงเลิกออกกำลังกายในแต่ละวันแล้ว การเพาะกายจะทำให้ขบวนการเผาผลาญไขมันนั้น ดำเนินไปตลอดเวลา ส่วนผู้ที่เป็นนักวิ่ง ขบวนการมันหยุดตั้งแต่หยุดวิ่งแล้ว แล้วคิดดูว่า วันหนึ่งมี 24 ชม. แต่สำหรับการวิ่ง มันจะเผาผลาญไขมันแค่ช่วงเวลาวิ่ง ก็ประมาณ ไม่ถึงชั่วโมง เทียบกับการเพาะกายแล้ว มันเผาผลาญตลอดทั้งวันเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้มีหลักฐานยืนยัน โดยคุณอ่านได้ในเรื่อง ไม่ต้องวิ่ง



เพื่อนผม น้ำหนักตัว 80 กิโลกรัม อยากได้กล้ามท้องมาก เลยเน้นแต่เล่นกล้ามท้องอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง แล้วก็วิ่งวันละหลายชั่วโมงจนแทบเป็นลม กล้ามท้องก็ไม่ขึ้นสักที พลอยจะทำให้เบื่อการออกกำลังกายเอาเสียง่ายๆ เพราะไม่เห็นผลเสียที แต่ถ้าคุณเปลี่ยนจากการวิ่งนั้น มาเป็นการเพาะกายเพียวๆ ผลของมันจะแตกต่างออกไป น้ำหนักตัวคุณแค่ 80 กิโลกรัมเท่านั้น ลองมาดูนักเพาะกายที่หนัก 116 กิโลกรัม แต่ไม่เล่นกล้ามท้องเลย แม้กระทั่งเหลืออีก 1 เดือนก่อนการประกวด เขาก็ยังไม่เล่นกล้ามท้องอยู่ดี คนนั้นก็คือ เด็กเธอร์ แจ็คสัน ที่อยู่ในภาพข้างล่างนี้ครับ



เด็กเธอร์ แจ็คสัน อายุ 40 ปี สูง 167.5 ซม. หนัก 116 กิโลกรัม
"ไม่เล่นกล้ามท้อง"

อยู่ๆ ผมคงไม่อุปโลกน์ขึ้นมาเองหรอกครับว่าคุณเด็กเธอร์ แจ็คสัน ไม่เล่นกล้ามท้อง เพราะผมติดตามเขามานานแล้ว เอกสารหลักฐานก็มีชัดเจน ทั้งคำพูดต่างๆที่ไม่ได้มีการ เซ็ทคำพูดไว้ก่อน ก็บอกไว้ชัดเจนเช่นกัน (ขออธิบายตรงนี้นิดนึงนะครับ "คำพูดที่เซ็ทไว้ก่อน" หมายความว่า เนื่องจากนักเพาะกาย บางคนก็ชอบกินแฮมเบอร์เกอร์ ,พิซซ่า ซึ่งถือเป็นของต้องห้าม (มากๆ) สำหรับช่วงเตรียมตัวก่อนการประกวด แต่ด้วยความที่มีคนติดตามผลงานพวกเขาเยอะ เวลาที่เราอ่านนิตยสาร เขาก็จะมีคำพูดที่เซ็ทไว้ก่อนการสัมภาษณ์ ซึ่งมักจะพูดถึงการทานที่เข้มงวด ไม่กินอาหารขยะ (ก็คือแฮมเบอร์เกอร์ และพิซซ่า) เพื่อจะได้เป็นแบบตัวอย่างที่ดีของคนอ่านโดยทั่วไปนั่นเอง)

มาดูเรื่องตารางฝึกของเขากันก่อนครับ มาจากนิตยสารเฟล็ก ฉบับเดือน กันยายน 2552 ซึ่งเหลือเพียง 1 เดือนก็จะต้องขึ้นประกวดมิสเตอร์โอลิมเปียแล้ว (ประกวดเดือนตุลาคม 2552)


นิตยสารเฟล็ก ฉบับเดือนกันยายน 2552
ที่หน้า 191 ครับ(ดูภาพจากหน้าที่ว่านี้ ข้างล่างครับ)


ตารางฝึกของเด็กเธอร์ แจ็คสัน "ไม่มีการฝึกกล้ามท้อง"

นิตยสารเฟล็ก ฉบับเดือนสิงหาคม 2552
ที่หน้า 190 ครับ
(ดูภาพจากหน้าที่ว่านี้ ข้างล่างครับ)


(ศรชี้) Never!

เพื่อป้องกันข้อครหา ที่จะหาว่าผมแอบตัดบางคำเอามาให้อ่าน เพื่อหวังผลจะให้คุณเชื่อ ผมจึงท้าพิสูจน์โดย ประการแรก ผมบอกเลยว่าภาพข้างบนนี้มาจาก นิตยสารเล่มไหน หน้าไหน ให้คนที่ไม่เชื่อผม ไปเปิดอ่านได้เลย ประการที่สอง ผมแสกนคำพูดมาให้ดู "ทั้งพวง" ตามภาพข้างบน แทนที่จะแสกนเอามาเฉพาะส่วนที่ต้องการให้อ่านอย่างเดียว

คือว่าบทความที่ผมเอามาให้อ่านนี้ เกี่ยวกับวาระพิเศษ ที่ให้คนสนใจส่งคูปองไปชิงโชค แล้วทางนิตยสารเพาะกาย ก็จะจับฉลาก ใครโชคดี ก็จะมีนักเพาะกายซูเปอร์สตาร์ก็จะไปหาคนนั้นที่บ้าน แล้วชวนไปกินข้าว โดยบทสนทนานี้คือคำพูดระหว่างคุณวิคเตอร์ (ผู้โชคดี) กับคุณแจ็คสัน (นักเพาะกายนั่นเอง) ที่พากันออกมาทานข้าว ,ซื้อของ เสร็จแล้วก็พากันมาออกกำลัง แล้วผมก็ตัดส่วนที่เป็นบทสนทนาตอนที่ในโรงยิมมาให้อ่านนี้

หลังจากบริหารท่า Flat bench dumbbell flyes อันเป็นท่าจบสำหรับการบริหารหน้าอกแล้ว วิคเตอร์ก็ถามแจ็คสันว่า เราจะบริหารอะไรต่อล่ะ ,แจ็คสัน งง (ทำนองว่าทำไมจะต้องบริหารต่อหรือ?) ,ตอนนี้ คิดว่าวิคเตอร์ กำลังรอให้แจ็คสันคิดได้ว่าน่าจะต้องบริหารกล้ามท้องต่อ เพราะคนทั่วไปก็มักจะบริหารกล้ามท้องเป็นท่าสุดท้ายก่อนจบการบริหารในแต่ละวัน ,แจ็คสัน คงจะพึ่งคิดออก เลยบอกออกมาชัดเจนเลยว่า "ผมไม่เล่นกล้ามท้อง" ,วิคเตอร์งง จนต้องถามซ้ำว่า ไม่เคยเล่นกล้ามท้องเลยเหรอ? ,แจ็คสัน ย้ำอีกที "ไม่เคย"

วิเคราะห์
  1. แจ็คสันบอกว่า don't do abs ก็คือไม่เล่นกล้ามท้องเลย ไม่ได้บอกว่า ไม่เล่นกล้ามท้องหลังการเล่นกล้ามหน้าอก ,หรือว่าไม่เล่นกล้ามท้องในช่วงเวลานี้ นะครับ
  2. คำว่า Never ของแจ็คสันนั้น ไม่ได้หมายความว่าตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเล่นกล้ามท้องนะครับ แต่เขาต้องการย้ำให้นายวิคเตอร์รู้ว่า เขาไม่เล่นกล้ามท้อง เท่านั้นเอง คือหมายความว่าเขาอาจจะเล่นเมื่อปีที่แล้ว หรือหลายปีก่อนหน้านั้น แต่ ณ.ช่วงเวลานี้ (ก่อนการประกวด) เขาไม่เล่นกล้ามท้อง และก็ไม่มีในตารางฝึกของเขาเลย
  3. ยิ่งกล้ามคอ ,กล้ามแขนท่อนปลาย ไม่ต้องพูดถึงเลย เท่าที่ผมติดตามอ่านมา มีนักกล้ามโดยทั่วไปไม่ถึง 5% เลยที่จะเล่นกล้ามสองส่วนนี้ (คอ กับแขนท่อนปลาย)

ไม่ว่ารูปแบบ "ความเชื่อ" เกี่ยวกับกล้ามท้องก่อนหน้านี้ของคุณจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ผมแสดงให้คุณเห็นเกี่ยวกับนักเพาะกายผู้นี้ (เด็กเธอร์ แจ็คสัน) เป็น "ข้อเท็จจริง" ก็ลองชั่งน้ำหนักดูระหว่าง แค่ความเชื่อ กับ ข้อเท็จจริง ก็คงจะรู้นะครับว่าอันไหนน่าสนับสนุนมากกว่า ก็ต้องเป็นตัว "ข้อเท็จจริง" อยู่แล้ว

สรุป เพื่อนสมาชิก น้ำหนักตัว 80 กิโลกรัม คิดเอาเองว่า หนทางสู่การมีกล้ามท้องมีหนทางเดียว คือต้อง "เล่นกล้ามท้อง" เท่านั้น ถามว่า ที่คุณเล่นกล้ามท้องวันละเป็นพันครั้ง เล่นติดต่อกันมาเป็นปีๆ สามารถสู้กล้ามท้องของคนที่ หนัก 116 กิโลกรัม "แต่ไม่เล่นกล้ามท้องเลย" เลยได้ไหม ต้องกลับไปคิดใหม่นะครับว่า การเล่นกล้ามท้องไม่ได้ทำให้เกิด Six Pack อย่างที่เข้าใจกัน

ทิ้งท้าย แล้วอะไรล่ะที่ทำให้กล้ามท้องแจ็คสันคมอย่างนี้ คำตอบก็คือการ ลด Layer ของชั้นผิวหนังเท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวกับการบริหารกล้ามท้องเลยครับ ส่วนรายละเอียดของการที่แจ็คสันมีกล้ามท้องที่คมกริบตามที่เห็นในรูปนั้น มีอะไรบ้าง ตรงนี้ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเทคนิคส่วนตัวของแจ็คสันไป (ซึ่งหลักใหญ่ๆก็หนีไม่พ้นการเพิ่มปริมาณมัดกล้าม เพื่อไปช่วยสลายไขมัน ,การเพิ่มการทำคาร์ดิโอเข้าไปในช่วงก่อนการประกวด ฯลฯ) แต่ในส่วนของหน้านี้ ผมเอาเรื่องของแจ็คสัน มาชี้ให้เห็นว่า Six Pack ไม่ได้เกิดจากการเล่นกล้ามหน้าท้อง อย่างที่พวกเราๆ ท่านๆ เข้าใจกัน การที่คุณขยันเล่นกล้ามท้องวันละเป็นพันครั้งนั้น ก็ชี้ให้เห็นว่าคุณขยันและเอาใจใส่ดีอยู่หรอก แต่ถ้าคุณจับหลักถูก ไม่หลงคิดว่าต้องเล่นกล้ามท้องแบบเอาเป็นเอาตาย จึงจะได้ Six Pack ก็คงจะทำให้คุณหาหนทางอื่น ที่ประหยัดเวลา และพละกำลังที่ใช้บริหารไปได้มากทีเดียว จะได้เหลือเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างน่ะครับ

ที่มา www.tuvayanon.net



0 Response to 'ถาม ซิทอัพวันละหลายครั้ง พุงไม่ลด กล้ามท้องก็ไม่ขึ้นเสียที เป็นเพราะอะไร'

แสดงความคิดเห็น

Categories