บทความเด่น: ยิ่งกว่าหยาดเหงื่อและแรงบันดาลใจ
นิตยสาร Life ยกย่องเขาว่าเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งแห่งสหัสวรรษ จำนวนสิ่งประดิษฐ์ที่เขาคิดค้นก็น่าทึ่ง – มีถึง 1093 อย่าง เขาถือสิทธิบัตรมากกว่าใครๆ โดยได้รับอย่างน้อยทุกๆ ปีเป็นเวลา 65 ปีติดต่อกัน เขายังได้พัฒนาห้องทดลองค้นคว้าวิจัยสมัยใหม่เขาผู้นี้คือ โธมัส เอดิสัน เมื่อพูดถึงความสามารถของเอดิสัน คนส่วนใหญ่ยกย่องความเป็นอัจฉริยะในการประดิษฐ์ของเขา แต่เขาเองยกย่องการทำงานหนัก เขากล่าวว่า “อัจฉริยะก็คือหยาดเหงื่อ 99% และแรงบันดาลใจ 1%” ผมเองเชื่อว่าความสำเร็จของเอดิสันเป็นผลมาจากปัจจัยที่ 3 ด้วย นั่นก็คือทัศนคติที่ดีของเขา อ่านต่อ...
บทความที่น่าสนใจ The 3rd Birthday ล่าสุดสดๆร้อนๆ / ไทยจ่อเลิกใช้“แบล็คเบอร์รี่” / Code Geass R2 รางวัล การ์ตูนญี่ปุ่น Anime ยอดเยี่ยมปี 2009 / พลิกปูมงบ ส.ส.ในอดีต / ความลับของ Internet / Amazing in Thailand / สุดเซอร์ไพรส์ 6 เรื่องแปลก ผ่าน Facebook ที่คุณต้องอ่าน... / Nielsen รายงาน Android แซง iPhone ได้เป็นครั้งแรก
รายงานข่าวล่าสุด Samsung Galaxy S สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (Android Phone) สามารถทำยอดขายทะลุ 1 ล้านเครื่องในสหรัฐฯ โดยใช้เวลาแค่ 45 วันเท่านั้น นับเป็นสมาร์ทโฟนที่มาแรงมากทีเดียว นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของสมาร์ทโฟน และแพลตฟอร์ม Android สำหรับการต่อกรกับ iPhone ของ Apple



Samsung Galaxy S ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ประสบความสำเร็จในสหรัฐฯ ได้อย่างรวดเร็ว และเป็นการรุกคืบของคู่แข่ง iPhone ที่น่าจับตามากทีเดียว ด้วยคุณสมบัติของดีไซน์ตัวเครื่องบางเฉียบที่มาพร้อมกับหน้าจอ Super-AMOLED ขนาด 4 นิ้วที่ให้ความสว่างคมชัด ประกอบกับหน่วยประมวลผลโพรเซสเซอร์ Hummingbird ที่ทำงานด้วยความเร็ว 1GHz และที่พลาดไม่ได้คือ Android OS จุดแข็งเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้ตัดสินใจไม่ได้ยากนัก



Samsung เปิดเผยว่า ทางบริษัทสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S ได้ 1 ล้านเครื่องผ่านทางเครือข่าย T-Mobile Vibrants และ AT&T Captivates โดยใช้เวลาไม่ถึงเดือนครึ่งในสหรัฐฯ นั่นหมายความว่า มือถือ Android ประสบความสำเร็จได้ โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับ AT&T เพียงเจ้าเดียว ปัจจัยของความสำเร็จนอกเหนือจากคุณสมบัติของตัวเครื่อง และเครือข่ายที่จำหน่ายแล้ว ราคาของ Samsung Galaxy S ที่ถูกกว่า iPhone ในขณะที่ได้เครื่องทีมีคุณสมบัติการทำงานดีกว่า (หน้าจอใหญ่กว่า สว่างกว่า เร็วกว่า และถูกกว่า) ตลอดจนวัสดุชิ้นส่วนทั้งภายนอกและภายในก็อยู่ในระดับเดียวกับ iPhone 4 ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าจากผู้บริโภคนั่นเอง

Samsung เปิดเผยว่า ทางบริษัทสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S ได้ 1 ล้านเครื่องผ่านทางเครือข่าย T-Mobile Vibrants และ AT&T Captivates โดยใช้เวลาไม่ถึงเดือนครึ่งในสหรัฐฯ นั่นหมายความว่า มือถือ Android ประสบความสำเร็จได้ โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับ AT&T เพียงเจ้าเดียว ปัจจัยของความสำเร็จนอกเหนือจากคุณสมบัติของตัวเครื่อง และเครือข่ายที่จำหน่ายแล้ว ราคาของ Samsung Galaxy S ที่ถูกกว่า iPhone ในขณะที่ได้เครื่องทีมีคุณสมบัติการทำงานดีกว่า (หน้าจอใหญ่กว่า สว่างกว่า เร็วกว่า และถูกกว่า) ตลอดจนวัสดุชิ้นส่วนทั้งภายนอกและภายในก็อยู่ในระดับเดียวกับ iPhone 4 ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าจากผู้บริโภคนั่นเอง



ข้อมูลจาก: indyposted





ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

Asian Boy's Popstar Dream

เขียนโดย Panya Chitmedha On 21:28 0 ความคิดเห็น


<a href="http://video.th.msn.com/?mkt=th-th&from=&vid=45e5ce89-2018-4772-b42a-9de27e09eeff&from=th-th&fg=dest" target="_new" title="Asian Boy's Popstar Dream">วิดีโอ: Asian Boy's Popstar Dream</a>

I don't know if he has much of a future in the pop music world. He still has some pretty good dance moves though!





"สแควร์ เอนิกซ์" ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ กำหนดเปิดให้ทดสอบช่วงโอเพ่นเบต้าในวันที่ 1 กันยายนนี้ เวลาประมาณ 11.00 น. ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะตรงกับเวลาในประเทศไทยราวๆ 9.00 น. ส่วนผู้เล่นในแถบอเมริกาเหนือ จะได้เล่นกันในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ เวลา 19.00 น. เนื่องจากความเหลื่อมล้ำทางเวลาของแต่ละภูมิภาค

นอกจากการประกาศกำหนดวันเปิดทดสอบโอเพ่นเบต้าที่จะได้เล่นกันแบบยาวๆ มากกว่าตอนโคลสเบต้าทั้ง 3 รอบ "สแควร์ เอนิกซ์" ยังปล่อยวีดีโอใหม่ล่าสุดของเกมออนไลน์ Final Fantasy XIV ก่อนที่จะวางจำหน่ายและเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มตัวในช่วงปลายเดือน กันยายนนี้ (22 ก.ย. สำหรับผู้ซื้อรุ่นสะสม / 30 ก.ย. สำหรับผู้ซื้อกล่องมาตรฐาน)

สำหรับผู้ที่ได้เข้าร่วมทดสอบในช่วงโอเพ่นเบต้า ทางทีมงาน "สแควร์ เอนิกซ์" จะเปิดให้ผู้เล่นเหล่านั้นสามารถนำชื่อของตัวละครที่ใช้ในช่วงโอเพ่นเบต้า ไปใช้ได้ในช่วงของการเปิดให้บริการจริงได้ด้วย โดยสามารถดูรายละเอียดการถ่ายโอนชื่อได้ที่เว็บไซต์สำหรับผู้เข้าร่วมทดสอบ ดังนี้

https://dev-jp.ffxiv.com/(ญี่ปุ่น)
https://dev-na.ffxiv.com/(อเมริกาเหนือ)
https://dev-eu.ffxiv.com/(ยุโรป)

ทั้งนี้ การเปิดให้ทดสอบโอเพ่นเบต้าครั้งนี้ มีให้สำหรับผู้เล่นเวอร์ชันเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น ส่วนเวอร์ชันเครื่องเกมคอนโซล PlayStation 3 มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม ค.ศ.2011 ขณะที่เวอร์ชันเครื่องเกมคอนโซล Xbox 360 ได้ถูกระงับการพัฒนา เนื่องจาก "สแควร์ เอนิกซ์" ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับทาง "ไมโครซอฟท์" เกี่ยวกับบริการ Xbox LIVE
ขอแสดงความเสียใจกับแฟน Xbox ด้วยครับ






CREDIT :http://www.manager.co.th/Game/ViewNews.aspx?NewsID=9530000119930

| | edit post




ฝนทิพย์ตัวแทนจากไทย คว้า 3 รางวัลใหญ่ ได้แก่ ขวัญใจมหาชน ขวัญใจช่างภาพ และชุดประจำชาติ การประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2010 ซึ่งจัดขึ้นที่แมนดาเลย์ เบย์ รีสอร์ต แอนด์ คาสิโน ในลาส เวกัส สหรัฐอเมริกา ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 18.00 น. ตามเวลาในท้องถิ่นของวันจันทร์ หรือตรงกับ 08.00 น. ตามเวลาในประเทศไทยของเช้าวันนี้ และสาวงามจากเม็กซิโก จิมิน่า นาวาเร็ตต้า นางแบบชื่อดัง คว้าตำแหน่งมิสยูเวิร์สไปครอง ส่วนรองอันดับ 1 ตกเป็นของนางงามจากจาไมก้า , รองอันดับ 2 ออสเตรเลีย , รองอันดับ 3 ยูเครน และฟิลิปปินส์ได้รองอันดับ 4 สาวไทยที่เป็นตัวแทนเข้าประกวดในปีนี้ คือ นางสาวฝนทิพย์ วัชรตระกูล หรือ ปุ๊คลุค วัย 19 ปี เจ้าของตำแหน่งมิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส ที่แม้ว่าเธอจะไม่ผ่านเข้ารอบแรกที่คัดเหลือเพียง 15 คน แต่ก่อนหน้านี้ เธอคว้ารางวัล " มิส พีเพิล'ส ช้อยซ์ อวอร์ด " ( Miss People's Choice Award ) ที่ได้มาจากคะแนนโหวตของนักท่องอินเตอร์เน็ตทั่วโลก ด้วยเหตุผลที่ว่า เธอดูเหมือนตุ๊กตาพอร์ชเลนแห่งเอเชีย ที่มีผิวพรรณเรียบเนียน รวมถึงบุคลิกที่ดูหรูหรางามสง่านั่นเอง การประกวดมิสยูนิเวิร์ส ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของมหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมพ์ มีสาวงามที่เป็นตัวแทนจากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก มาประชันโฉมเพื่อชิงตำแหน่งผู้หญิงที่สวยที่สุดของโลก ท่ามกลางสายตาผู้ชมกว่า 600 ล้านคนทั่วโลก โดยมีนาตาลี โมราเลส ผู้ประกาศของ NBC และร็อคเกอร์ชื่อดัง เบร็ท ไมเคิลส์ รับหน้าที่พิธีกร ส่วนกรรมการตัดสิน รวมทั้ง วิลเลียม บัลด์วิน , ไชน่า ฟิลลิปส์ , นักดนตรี ไชล่า อี , นักกีฬาโอลิมปิค อีวาน ไลซาเซ็ค , นักแสดงรุ่นเก๋า เจน ซีมัวร์ , ซูเปอร์โมเดล นิกิ เทย์เลอร์ และนักมายากลชื่อดัง คริส แองเกิล ซึ่งกรรมการเหล่านี้ จะให้คะแนนผู้เข้าประกวดในชุดต่าง ๆ รวมทั้ง ชุดว่ายน้ำ และการตอบคำถามด้วย สำหรับตัวเก็งที่ผ่านเข้ารอบ 15 คนสุดท้าย มีเพียงนางงามฟิลิปปินส์ วีนัส ราช , นางงามเม็กซิโก จิเมน่า นาวาเร็ตต้า และนางงามไอร์แลนด์ โรซานน่า เพอร์เซลล์ ที่เข้ารอบตามโผ ส่วนนางงามเวเนซุเอล่า มาเรลิซ่า กิ๊บสัน ที่เป็นความหวังว่าจะคว้ามงกุฎติดต่อกัน 3 ปีซ้อน ต้องผิดหวังไปเช่นเดียวกับ เจ้าภาพ คือ ริม่า ฟากีห์ นางงามอเมริกาเชื้อสายมุสลิมคนแรก สำหรับวีนัส ราช นางงามฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นลูกครึ่งฟิลิปปินส์ - อินเดีย ถือเป็นเอเชียคนแรกที่ได้เข้ารอบลึกถึง 5 คน ส่วนรางวัลสำคัญอื่น ๆ เช่น รางวัลนางงามมิตรภาพ ( Miss Congeniality ) ตกเป็นของนางงามออสเตรเลีย ส่วนรางวัลใหญ่อย่าง ขวัญใจช่างภาพ ( Miss Photogenic ) และชุดประจำชาติ (National Costume) ตกเป็นของประเทศไทย ซึ่งมีชื่อว่า " สยามไอยรา " ผลงานการออกแบบของนายพลิน อภิญญากุล ชาวจังหวัดขอนแก่นวัย 30 ปี



ที่มา : suthichaiyoon


ผู้หญิงแบบไหนมีโอกาสขึ้นคาน



ว่า กันว่า ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะครองตัวเป็นโสดกันมากขึ้น ทั้งนี้ด้วยเหตุผลกลใดน่ะเหรอ? อ่ะก็รู้ๆกันอยู่นี่ว่า เดี๋ยวนี้ฝ่ายหญิงได้รับการศึกษามากขึ้น ดังนั้นจึงสามารถนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาออกไปหางานทำและมีรายได้จนพึ่งพา ตัวเองได้น่ะซี เหตุนี้สาวๆสมัยใหม่จึงมีโอกาสเลือกที่จะแต่งงานมีเหย้ามีเรือนหรือตัดสินใจ ว่าจะอยู่เป็นโสด ไม่จำเป็นต้องมีแฟนมากวนตัวหรือมีลูกมากวนใจไงล่ะ

ซึ่งจริงๆผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ปิดตัวเอง ถึงขนาดตั้งเป้าไว้ตั้งแต่เกิดหรอกว่า ชาตินี้จะอยู่เป็น โสดถาวรแน่นอนชัวร์ป้าด เพราะถึงยังไงผู้หญิงก็รู้น่าว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ยังต้องการการพึ่งพาอาศัยจากใครสักคนเพื่อช่วยกัน เติมเต็มให้ชีวิตของทั้งคู่นั้นสมบูรณ์เพียบพร้อมมากขึ้น

ฉะนั้นถ้า เป็นไปได้ หญิงมากมายจึงอยากมีคู่รักที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปจนวันตาย... โอ้โหว่าเข้านั่น เอ้าแต่มันเป็นเรื่องจริง เพราะผู้หญิงดีๆไม่ค่อยมีใครรักง่ายหน่ายเร็วกันน่ะซี ยกเว้นแต่ไปเจอผู้ชายโหลยโท้ย,ไม่เป็นสุภาพบุรุษ, ไม่ให้เกียรติอิสตรีแถมยังเป็นจอมเจ้าชู้และขี้จุ๊ โอ๊ย...ขืนเจอแบบนี้ แม้ไม่อยากเลิก แต่ถ้าเค้าทำให้ เจ็บช้ำระกำใจบ่อยๆ ก็คงอยากคอนเวิร์สไปตามทางใครทางมันบ้างละว่ะ อ่ะฝ่ายหญิงก็มีหัวจิตหัวใจนะเฟ้ย ถ้าทนไม่ได้ก็คือทนไม่ได้...มันก็แค่นั้น!

แถมปัญหาของการครองคู่ที่ ผู้หญิงได้อ่าน,ได้ยิน,ได้ฟังจากทางสื่อมวลชนรวมทั้งจากเพื่อนๆ และญาติๆของพวกเธอ ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้ผู้หญิงกล้าที่จะอยู่เป็นโสดกันด้วยแหละ

หลาย คนยอมรับว่า เข็ดขยาดกับปัญหาของชาวบ้านจนกลัวว่าตัวเองจะเจอปัญหาเดียวกันนี้เข้าบ้าง จึงพยายามตัดปัญหาไม่คบใครให้ลึกซึ้งจนถึงกับจะแต่งงานแต่งการด้วยก็มี พวกนี้อาจถูกล้อว่าเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝน...แต่ก็ช่างมันซี เพราะบางทีอาจดีกว่าแต่งงานแล้วเพิ่งรู้ว่าสามีติดเหล้า,เคล้านารี,เจียด เงินไปปรนเปรออีหนู ฯลฯ ซะอีกนะ แต่ถ้าใคร "ทำใจได้" คงไม่มีปัญหาร็อก อีกอย่างไอ้ที่กลัวๆนั่นน่ะ บางทีคู่ของเราอาจไม่เข้าข่ายมีปัญหาครอบครัวก็ได้ เพราะการเลือกคู่ก็คล้ายกับซื้อลอตเตอรี่อย่างที่เค้าว่า

ส่วน สัปดาห์นี้ไม่ได้ตั้งใจเขียนถึงปัญหาครอบครัวหรอกนะ แต่อยากชวนคุยเรื่อง ทำไมสาวบางคน ถึงได้ขึ้นคานกันมากกว่า ซึ่งหากผู้หญิงคนใดอยากเป็นโสดเองก็แล้วไป กระนั้นถ้าสาวคนใดไม่ได้ตั้งใจจะโสดซะหน่อย แต่ทำยังไง้ยังไงเพศตรงข้ามก็ไม่สนใจที่จะจีบหล่อนเป็นแฟนซะที

โอ้ อย่างงี้แสดงว่า สาวรายนั้นต้องมีบุคลิกและนิสัยใจคอบางอย่างที่ทำให้เพศตรงข้ามเมินใส่ และไม่อยากเข้าไปสุงสิงยุ่งเกี่ยวกะเธอแหงๆ อ่ะงั้นบุคลิกหรือนิสัยใจคอของผู้หญิงอย่างไหนหนอ ที่มีส่วนชักพาให้เธอขึ้นคานได้ไม่ยาก ยกตัวอย่างก็ได้เช่น แอ่น แอ๊น...


1. เรื่องมากแถมยังเอาใจยาก

ไอ้ หยา ถ้าสาวใดเป็นคนเรื่องมากแถมหากมีใครเข้ามาใกล้ และหมายจะจีบเธอแล้วไซร้ แต่มารู้ทีหลังว่าหล่อนดั๊นเป็นคนที่เอาใจยากตัวแม่ละก็ โอ้มายก็อด...นิสัยแบบนี้ ใครทนได้ก็เชื่อเค้าเลย!

แต่พูดก็พูดเหอะ เจ้าอาการเป็นคนเรื่องมากแถมยังเอาใจยากน่ะ คนทั่วๆไปเค้าก็เป็นกันนะ ไม่ใช่ไม่เป็น เอ้าคิดถึงตัวคุณเองก็แล้วกัน บางทีก็เอาใจยากใช่ไหมล่ะ ซึ่งหากเป็นกันนิดเดียวก็ไม่ถือว่าผิดปกติ แต่สำหรับในข้อนี้ ต้องเป็นหญิงที่เข้าข่ายเรื่องมากและเอาใจหล่อนยากอย่างรุนแรง ประมาณว่าถ้าใครอยากคบเธอละก็ต้องทนรอให้เธอแต่งองค์ทรงเครื่องจนคิดว่าตัว เอง สวยเลิศซะก่อน แล้วค่อยยอมไปไหนมาไหนด้วย เพราะหล่อนยึดมั่นกับคำที่ว่าผู้หญิงสวยเพราะแต่ง... นั่นไงล่ะ หล่อนถึงต้องการเวลาเอาใจใส่เสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองมากเป็นพิเศษ ดังนั้นถ้าใครจะจีบหรือเขียนใบสมัครเป็นแฟนของเธอก็ต้องทนตรงนี้ (รอเธอ) ให้ได้นะเฟ้ย ซึ่งนี่ก็แค่แซมเปิลตัวอย่างของความเรื่องมากนะจ๊ะ ของจริงน่ะยังมีอีกเยอะ ไหนจะต้องทำตามที่เธอต้องการทุกอย่างก็ด้วย อู๊ยเป็นงี้สิ มิน่าถึงมีแววขึ้นคานเป็นงี้เอง

2.เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด

หล่อน ชอบสั่งนู่นสั่งนี่ให้คนที่อยู่ใกล้ต้องทำตามที่เธอบอกให้ทำเท่านั้น โหถ้าขืนเป็นแบบนี้ คงไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรอกว่ะ เพราะถ้าเผื่อเมื่อไหร่ หล่อนเกิดรู้สึกว่า ไม่ได้ดังใจคงอาละวาดโวยวายบ้านแตกแน่นอน อย่างว่า พวกเอาแต่ใจตัวเองคงถูกโอ๋มาตั้งแต่แบเบาะ พอโตขึ้นจึงปรับตัวไม่ได้ ดังนั้นใครที่จะมาจีบเธอจึงต้องเข้าใจว่า เค้าเป็นฝ่ายต้องปรับตัวเข้าหาหล่อนเอง แล้วจะมีกี่คนที่ยอมเนอะ

3. คิดว่าตัวเองถูกเสมอ

ถ้า สาวคนไหนคิดว่าตัวเองทำอะไรก็ถูกไปซะหมดแล้วละก็ คนรอบตัวหล่อนก็พึงสังวรไว้เหอะว่า คุณนั้นทำอะไรก็ผิดในสายตาเธอไปซะหมด ซึ่งของพรรค์นี้จะยอมกันได้ไงใช่ไหมฮ้า ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์เหมือนกัน ย่อมต้องทำถูกมั่ง ผิดบ้างเป็นธรรมดา หากทำใจไม่ได้ว่าตัวเองผิดไม่เป็น แล้วจะอยู่ร่วมกับใครได้ละเนี่ย โถ...หยั่งเงี้ยละสิถึงไม่มีใครกล้าคว้าหล่อนมาเป็นแฟน... รู้ตัวไหม?

4. ขี้เหนียว ไม่รู้จักแบ่งปันให้ผู้อื่นบ้างเลยก็ไม่ไหวน้า

สาว รายใดไม่ยอมมีส่วนช่วยออกค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวด้วยกันระหว่างที่กำลังคบ หาดูใจกับใครสักคนซะบ้างละก็ รู้ไว้เถอะว่า ผู้ชายน่ะ เค้าเซ็งผู้หญิงขี้เหนียวแบบนี้มากจ้ะ เพราะการไปมาหาสู่ กันจะปัดให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของชายข้างเดียวก็แย่ นะซี ทางที่ดีควรหาร หรือผลัดกันจ่ายค่าดินเนอร์, ค่าเอนเตอร์เทน ดูหนัง, ดูคอนเสิร์ตดีกว่านะ หัดแชร์ๆกันออก เค้าจะได้อยากชวนสาวไปไหนมาไหนไม่ดีกว่าเรอะ

5. ชอบใส่อารมณ์กับผู้คนรอบข้างอย่างไร้ เหตุผล

หาก ใครเจอผู้หญิงที่นิสัยอย่างนี้คงอึ้งกิมกี่กันเป็นแถ้ว! เพราะใครบ้างอยากจีบผู้หญิงที่ชอบอารมณ์เสียใส่คนรอบข้าง ยิ่งถ้าเผื่อเป็นคนไร้เหตุผลด้วยละก็ งั้นปล่อยให้หล่อนขึ้นคานไปซะละกัน.



ผู้หญิง ส่วนใหญ่มักไม่มั่นใจในความสวย ความงาม ความน่ารัก ตลอดไปจนถึงความเซ็กซี่ของตัวเองเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะถ้าหล่อนยิ่งคิดว่า ตัวเองมีหน้าตาธรรมด๊า ธรรมดา ไม่ได้ สวยเลิศเหมือนดารา นักร้อง หรือนางแบบด้วยแล้วล่ะก็ สาวบางคนถึงกับขาดความมั่นใจไปเลยว่า จะมีใครมาเหลียวแลอยากเป็น แฟนกับเธอไหมซะด้วยซ้ำ

แต่พูดก็พูด ดาราหรือนักร้องบางคนก็ใช่ว่าจะสวยซะที่ไหน บางรายงี้หน้าตาธรรมด๊า ธรรมดาจะตายไป นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นดาราอาจไม่รู้ด้วยซ้ำ ส่วนบางคนดูดีได้เพราะเดินตามตำรา “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” หรือไม่งั้นก็ใช้วิธีไปทำศัลยกรรมเสริม ความงามเป็นทางลัดก็มี

ดังนั้น ถ้าสาวใดไม่พอใจในหน้าตาและเรือนร่างของตัวเองแล้วไซร้ ก็อย่าเพิ่งปริวิตกจนเกินเหตุ โดยเฉพาะกลัวว่าจะหาแฟนไม่ได้...สงสัยจะคิดมากไปหรือเปล่าจ๊ะ? ที่ตั้งปริศนาไว้งี้เพราะปรากฏว่า มีสาวเสียงใสคนนึง จู่ๆก็โทรศัพท์มาถามเฉยเลยว่า “พี่คะ ถ้าหนูไม่สวย แล้วจะมีใครมาจีบหนูไหม?” พอได้ยินเท่านั้นทำเอาอึ้งไปเลย

ที่อึ้งเพราะกำลังนึกอยู่ต่างหากละว่า คำถามของน้องเป็นเรื่องสากลเอามากๆ เป็นคำถามที่สาวๆ ทั้งแรกรุ่น รวมทั้งสาวแรกแย้ม...(แย้มอะไรก็คงรู้ๆ กันอยู่) ต่างครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ทั้งนั้นแหละ ก็แหม คำถามที่ว่า “ถ้าตัวเองหน้าตางั้นๆ แล้วจะมีใครมาสนใจมั่งน้อ”...นั่นน่ะ ไม่ว่าสาวรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ ต่างก็คิดคล้ายๆกัน รู้หรอกน่า

ในโลกนี้ ถ้าให้แบ่ง “ผู้หญิงที่สวย” จนสามารถเข็นขึ้นเวทีไปประกวดนางงามได้แล้วละก็ คงมีแค่ 1 ใน 4 ส่วนเท่านั้นแหละ (นี่ให้มากแล้วนะ)

เพราะฉะนั้น ที่เหลืออีก 3 ส่วน จึงเหลือแค่สาวหน้าตางั้นๆ อ่ะดี้ และแสดงว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ ก็ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกัน คือไม่ถึงกะสวย แต่ ขณะเดียวกันก็ไม่ถึงกะเลวร้าย แล้วหนูจะกลุ้มไปไย โอ้ย...เห็น “สาวขึ้นคาน” บางคนยังยิ้มแย้มแจ่มใสซะยิ่งกว่า “น้องนางที่มีแฟนแล้ว” ซะอีก แต่เอาเหอะ ในเมื่อเห็นน้องไม่ สบายใจ แล้วพี่จะสบายใจได้ไง จึงอยากปลอบด้วยการเล่าเรื่องหนุ่มๆ เค้าอยากมีแฟนสาวเป็นคนแบบไหนกันแน่น้อ? ให้ฟัง จะได้รู้แจ้งเห็นจริงกันไปเลย ซึ่ง คุณสมบัติของแฟนสาวที่ชายทั้งหนุ่มและไม่หนุ่ม มองหาอยู่น่ะเหรอ ก็ได้แก่...

1. เป็นสาวที่สามารถดูแลเทกแคร์ตัวเองได้ ไม่ใช่สาวป้อแป้หรือหน่อมแน้ม สัก

แต่เวลาที่ฝ่ายชายจะหยอกเอินน่ะ เค้ามักชอบทำเป็นทีเล่นทีจริงกับสาวๆ อะโน่เนะมากกว่า เพราะผู้หญิงกลุ่มนี้สามารถแหย่เล่นได้สนุกสนานกว่าไง แถมเอาไว้ควง เอาไว้ชวนเป็นเพื่อนไปนู่นไปนี่ก็ได้ คล้ายกลุ่มที่ถูกล้อว่าเป็น ตุ๊กตาหน้ารถ นั่นแหละ ทว่า เมื่อถึงเวลาที่จะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงละก็ สำหรับหนุ่มสมัยนี้น่ะเหรอ ขอเลือกสาวที่ยืนได้ด้วยตัวเอง หรือพูดง่ายๆว่า เป็นเวิร์กกิ้งวูแมนที่ทำงานหาเงินเองได้ และถ้ายิ่งสามารถช่วยเหลือฝ่ายชายได้ด้วยละก็ โอ้ย เค้ายิ่งปลื้มเข้าไปใหญ่

อ้อ ว่าแล้วสาวๆ เองก็ควรมีคุณสมบัตินี้อยู่กับตัวเป็นพื้นฐานไว้น่ะดีแล้ว เพราะถ้าวันใด เกิดรักไม่สมหวังขึ้นมา หนูจะได้สามารถเลี้ยงตัวเองต่อไปได้ โดยไม่ต้องมัวแบมือขอใครกินไงจ๊ะ

2. เป็นสาวที่ยึดมั่นต่อความดีที่สังคมยอมรับ อย่าเพิ่งงงกำลังจะยกตัวอย่างให้ฟัง

เช่น ตั้งกฎเกณฑ์ให้ ตัวเองว่า จะไม่เข้าไปวอแว วอกแวก และ “ให้ท่า” กับชายที่แต่งงานแล้วเด็ดขาด เพราะไม่อยากกินน้ำใต้ศอก เอ้ย... “ไม่นิยมไปรักผัวใคร” และไม่ยอมเป็น “เมียน้อย” ของใคร เพราะไม่อยากเป็นมือที่สาม แต่อยากเป็นเมียเดียวมากกว่า ทำนองนี้แหละ เรียกว่ามีจุดยืนด้านคุณธรรมชัดเจน จึงกลายเป็นเสน่ห์ไปในตัว แหม ดีหยั่งนี้เอง

3. เป็นสาวที่ไม่เริ่มต้นจีบฝ่ายชายก่อน

เพราะถ้าเผื่อหล่อนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ใครๆ จะมองว่า เธอก๋ากั่นเกินไปน่ะซี แถมการไม่เริ่มก่อนยังหมายถึงการเป็นคนเรียบร้อยและรู้ว่าอะไรควร/ไม่ควร หรือที่เรียกว่ารู้กาลเทศะก็ได้ แต่ของพรรค์นี้ ผู้ชายบางคนอาจชอบไม่ตรงกันก็ได้ บางคนนิยมถูกสาว “รุก” ก่อน เพราะให้ความรู้สึกตื่นเต้นอ่ะดี้ และถ้าสาวๆ จะทำหยั่งงี้ ก็สะท้อนลักษณะนิสัยอย่างนึงให้ประชาชีรู้กันไปทั่วเช่นเดียวกันว่า หล่อนน่ะสุดแสนจะมีความเชื่อมั่นในตัวเองแค่ไหน? ซึ่งตรงนี้ก็มีส่วนดีนะยะ....ถ้านำไปใช้ในการสมัครงานและในการทำงาน แต่หากเป็นเรื่องคบหาเพศตรงข้ามน่ะเรอะ คงต้องยั้งๆ เจ้าความใจกล้า ที่จะเข้าไปโปรยเสน่ห์ให้เพศตรงข้ามหันมาสนมั่งเหอะ ยังไงชาวเอเชียก็ยังมีหัวอนุรักษนิยมอยู่น่ะสิ

4. เป็นสาวรู้จักรอที่จะมีเพศสัมพันธ์ ไม่ใช่ บุ่มบ่ามเร่ไปมีเลิฟซีนกะใครๆ เค้าไปทั่ว

แม้โลกจะยอมรับความเท่าเทียมกันทางเพศของหนุ่มสาวมากกว่าเดิม แถมหนุ่มๆ สมัยนี้ก็ไม่ค่อยแคร์ว่าสาวที่ตัวเองคบเคยมีแฟนมาก่อนรึเปล่า แต่ยังงั้ย ยังไงเชื่อไหมล่ะว่า มีหนุ่มๆ เยอะเลยที่รับไม่ได้กับความไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องของแฟนสาว เอ้า ต่อให้หนุ่มรายนั้นใจกว้างก็ตาม โอเคถ้าเค้ารับได้ ว่า “แหม...คนเราก็ต้องมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น เพราะใครว้าโตจนป่านนี้แล้วไม่เคยมีแฟนมาก่อน เป็นไปไม่ได้หรอก” แต่เค้าก็ไม่อยากรู้หรอกว่า ไอ้ที่เธอเรียกว่าแฟนเก่าน่ะ เคยมีอะไรกันลึกซึ้งด้วยรึเปล่า? แหงๆ

ดังนั้น จงรักษาตัวและหัวใจเอาไว้ให้ดีเชียวน้อง อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อิสรเสรี จนเกินงาม รักนวลสงวนตัวไว้แล้วสักวันความรักก็จะมาเคาะประตูเรียกหาเอง

5. เป็นสาวที่มีความจริงใจ ไม่จิงโจ้

และไม่ควรปากกับใจไม่ตรงกัน หรือมีแฟนแล้ว แต่อยากจับปลาสองมือ เพราะหากเมื่อไหร่ความลับแตกดังโพละ (ซึ่งความลับแบบนี้น่ะ ไม่เห็นใครเก็บได้มิดชิด สักกะราย) เมื่อนั้นก็จะรู้สึกว่าเดี๊ยนไม่น่าเป็นคนกะล่อนเล้ย สู้เป็นคนที่ให้ความจริงใจ กับทุกคนไม่ได้ ไม่ต้องโกหกด้วย แถมยังจะได้ใจจากใครๆมากกว่า เพราะการมีน้ำใสใจจริงน่ะ ไม่ว่าใครก็ชอบกันทั้งน้าน จำไว้เลยก็ได้ว่า ความจริงใจช่วยให้ความรักมีแต่ จะมั่นคงแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ลองไม่รู้นะเออ





ที่มา : thairath




คนร้ายวางบึ้มทางเข้าคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ รปภ.โดนสเก็ดเจาะหัว-ลำตัว เจ็บสาหัส หัวหน้ารปภ.เผยช่วงค่ำ"เนวิน"ผู้บริหารทีมฟุตบอล"บุรีรัมย์พีอีเอ"มานั่งกิน ข้าว หลังทั้งหมดเดินทางกลับไม่นานก็เกิดเหตุระเบิดขึ้น "สัณฐาน"ระบุยังไม่รู้ชนิดระเบิด คาดหวังข่มขู่สร้างสถานการณ์

ที่สน.พญาไท ช่วงดึกที่ผ่านมา (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 23.00 น. ร.ต.ท.สมมาตร วงศ์ดี ร้อยเวรสน.พญาไท รับแจ้งมีเหตุระเบิดใกล้ลานจอดรถของ ห้างสรรพสินค้าคิงเพาเวอร์ ซ.รางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.กิตติพันธุ์ จุนทการ ผกก.สน.พญาไท เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด

ที่เกิดเหตุบริเวณทางเข้าห้างสรรพสินค้า คิงเพาเวอร์ใกล้ทางลงบันไดหนีไฟชั้นใต้ดินห่างจากตัวอาคารประมาณ 50 เมตร พบหลุมระเบิดขนาดใหญ่เศษปูนกำแพงโดนแรงระเบิดเป็นรอยแตกร้าว และต้นไม้ใกล้เคียงมีรอยระเบิด นอกจากนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างคิงเพาเวอร์ ถูกแรงระเบิดเข้าที่ศรีษะใบหน้าเลือดอาบได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่นำส่งรพ.ราชวิถี

ต่อมาเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้นำเชือกมากั้นบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุปิดถนนพญาไท และทางเข้าซอยรางน้ำ ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุ เพื่อทำการเก็บกู้ตรวจสอบหาชนิดของระเบิด

จากการสอบถาม น.ส.ฉัตรสุดา จินาวัลย์ ทำงานอยู่ที่ร้านอาหารบ้านบาร์ ข้างคิงพาวเวอร์ กล่าวว่า ก่อนเวลา 23.00 น.กำลังนั่งอยู่หน้าร้านก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวเหมือนเสียงตึก ถล่ม จึงวิ่งออกมาดูพบกลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยขึ้นมา หลังจากนั้นเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างถูกแรงระเบิดมีเลือดไหล เต็มร่างกาย บาดเจ็บสาหัสนอนร้องครวญครางได้ความเจ็บปวด เพื่อนรปภ.จึงช่วยกันหามส่งโรงพยาบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่รพ.ราชวิถี หลังเหตุระเบิดมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้างคิงเพาเวอร์ เข้ามารักษาตัวทราบชื่อนายเจษฎา จันทร์กระจ่าง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/1 หมู่ 10 ต.บางขะนาด อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับบาดเจ็บถูกสเก็ดระเบิดเข้าที่ขมับขวา ไปตุงที่ขมับซ้าย บริเวณข้อพับขาด้านขวา และตามลำตัว ทางทีมแพทย์เร่งนำเข้าห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยชีวิต

เบื้องต้นก่อนเกิดเหตุนายเจษฎา ผู้บาดเจ็บได้เข้าเวรช่วงกะกลางคืนกับคู่หูอีก 1 คน ขณะที่ฝ่ายคู่หูเดินไปเปลี่ยนแบตวิทยุสื่อสารที่ป้อมยามในคิงเพาเวอร์ จู่ๆได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น เมื่อหันมาเห็นนายเจษฎา ล้มฟุบกับพื้นจึงประสานเจ้าหน้าที่นำรถกู้ภัยนำตัวนายเจษฎา ส่งรพ.ราชวิถี

นายทวีศักดิ์ ประจักกะตะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชุดกะกลางคืนของคิงเพาเวอร์ กล่าวว่า นายเจษฎา ผู้บาดเจ็บเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน เริ่มงานวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา และเพิ่งเข้าเวรกลางคืนไปคืนที่ 2 วันนี้จนมาประสบเหตุดังกล่าว โดยปกติช่วงเวลาประมาณ 23.00 น.ทางรปภ.จะนำแผงเหล็กมากั้นเส้นทางซึ่งเป็นทางลัดผ่านพื้นที่ของคิงเพา เวอร์ เชื่อมต่อระหว่างซอยรางน้ำ มาโผล่ถนนศรีอยุธยา ซึ่งกลางคืนจะนำมาแผงเหล็กมากั้นห้ามรถทุกชนิดวิ่งผ่าน แต่คืนนี้ได้มีผู้บริหารของทีมฟุตบอลบุรีรัมย์พีอีเอ ซึ่งมีนายเนวิน ชิดชอบ เป็นประธานสโมสร ได้มารับประทานอาหารที่คิงเพาเวอร์ รปภ.จึงไม่ได้มีการนำแผงเหล็กมาปิดกั้นทางผ่านจนเกิดเหตุระเบิดขึ้น

"หลังจากก่อนหน้านี้ที่มีเหตุระเบิดซอยราง น้ำ ใกล้อาคารคิงเพาเวอร์ ทางผู้บริหารได้กำชับความเข็มงวดระบบรักษาความปลอดภัย ได้สั่งเพิ่มรปภ.มากขึ้นเป็นเท่าตัว และชุดเดินเท้าตรวจพื้นที่ตลอด 24 ชม.เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่เกิดขึ้นแต่ในที่สุดยังมีเหตุระเบิดที่ไม่คาดคิด เกิดขึ้นจนได้"นายทวัศักดิ์ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่าก่อนเกิดเหตุผู้ต้อง สงสัยได้มีการยืนพุดคุยเจรจากับนายเจษฎา รปภ.ของคิงเพาเวอร์อยู่ครู่ใหญ่ โดยมีอาการสีหน้าลุกลี้ลุกลน ท่าทางเคร่งเครียด โดยพูดว่าไปที่ไหนก็เจอแต่ด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นชายคนดังกล่าวออกไปไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าเป็นระเบิดชนิดขว้าง ไม่น่าจะเป็นระเบิดแสวงเครื่อง

พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า เบื้องต้นจากตรวจสอบไม่ทราบว่าเป็นระเบิดชนิดไหน ต้องรอหน่วยเก็บกู้ระเบิดตรวจสอบก่อน ตอนนี้เป็นไปได้หลายอย่างว่าคนร้ายมีการยิงหรือปาระเบิดเข้ามา ตอนนี้ให้สายสืบตระเวนออกสืบสวนหาพยานใกล้เคียงและตรวจสอบกล้องวงจรปิด คิดว่าคนร้ายต้องการข่มขู่ สร้างสถานการณ์ไม่หวังเอาชีวิต ส่วนจะเกี่ยวข้องกับระเบิดครั้งที่ผ่านมาหรือไม่นั้นยังให้คำตอบไม่ได้ และยังไม่ทราบว่าเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัยอายุประมาณ 20 กว่าปี สวมหมวกกันน๊อค พร้อมรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮนด้า คลิก สีน้ำเงินดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถพบแผ่นป้ายทะเบียนซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะนั่ง ทะเบียน ขลก 970 สุราษฎร์ธานี พร้อมควบคุมตัวไปสอบสวนที่สน.พญาไท โดยมีพยานเห็นว่าชายคนดังกล่าวขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาวนเวียนอยู่ ที่เกิดเหตุ 2 รอบ หลังเกิดเหตุระเบิดชายคนดังกล่าวเดินกลับมาดูที่จุดระเบิด หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ชายคนดังกล่าวเดินกลับมาที่เกิดเหตุอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานระบุว่าในเบื้องต้น ชิ้นส่วนของสะเก็ดระเบิดที่พบนั้นน่าจะเป็นหัวระเบิดชนิด เอ็ม 79 แต่ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นแบบหัวสีทองเจาะเกราะหรือหัวสีดำ ต้องรอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง



ที่มา : suthichaiyoon



การใช้คีย์ลัดบนแป้นคีย์บอร์ดของเรา
เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการทำงานต่างๆของเราได้มาก
แต่ในบางกรณี ความสะดวกสบายเหล่านี้กลับต้องแลกมาด้วยความไม่ปลอดภัยเอาซะเลย

เพราะฉะนั้นผมขอแนะนำทุกๆท่านว่า อย่าใช้การ Copy & Paste กับข้อมูลที่มีความสำคัญ
เช่น หมายเลขบัตรเครดิต etc. เพราะการใช้ Ctrl+C หรือ Copy จะมีการเก็บค่าไว้ใน Clipboard ของ Windows
ซึ่งสามารถถูกอ่านผ่าน Web site ได้ด้วย Javascript + ASP

ลอง copy text อะไรก็ได้บนเครื่องแล้วเปิด URL ต่อไปนี้ดู

http://www.friendlycanadian.com/appl.../clipboard.htm

หากเว็บนี้แสดงข้อความบนคลิปบอร์ดที่เราก๊อปปี้ไว้ แสดงว่าคุณยังไม่ได้ป้องกันครับ

วิธีการป้องกันง่ายๆ คือ

1. เปิด Internet Explorer ขึ้นมา, ไปยังเมนู Tools -> Internet Options -> Security
2. Click ที่ปุ่ม Custom Level
3. เปิดไปที่ Tab ที่ชื่อว่า security แล้วตั้งค่าโดยกดปุ่ม Custom Level..., แล้วหาคำว่า “Allow Paste Operations via Script.” จากนั้นเลือกที่ Disable เพื่อป้องกันการถูกล้วงข้อมูลจากคลิปบอร์ดของท่าน

(เปิดเว็บนั้นๆ ด้วย FireFox และ Opera ไม่พบปัญหาดังกล่าวนะครับ แต่ IE โดนแน่ๆ ป้องกันไว้ดีกว่าต้องมาน้ำตาตกทีหลังนะครับ)

ปล. ใครทราบแล้วต้องขออภัยด้วยครับ ไม่แน่ใจว่าข้อมูลนี้ใหม่หรือเก่า แต่ผมเพิ่งทราบนะครับเลยเอามาเล่าสู่กันฟังครับ



From www.Bevernetwork.com



ในปัจจุบัน นอกจากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจะต้องพบกับปัญหาสแปมเมล์ หรืออีเมล์ขยะ ที่แฝงตัวเข้ามาในอีเมล์ส่วนตัวโดยที่เราไม่รู้จักผู้ส่งมาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอีเมล์เชิญชวนซื้อสินค้า หรือแนะนำให้เข้าร่วมทำธุรกิจออนไลน์ที่สร้างความรำคาณไม่น้อยให้กับผู้ใช้ งาน ล่าสุดสแปมเหล่านี้ยังเริ่มคืบคลานเข้าสู่กระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ก อย่างเฟสบุ๊ก ซึ่งจะมาในรูปแบบของการเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรม

ยกตัวอย่างเช่น “รับทีมโปรโมต web site Magazine Online” “อยากมีตังเยอะๆ อยากไปช็อปปิ้ง” หรือ “รู้ไหมว่าสุขภาพที่ดี ส่งผลกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น!!” เพื่อให้สมาชิกกดตอบตกลงเข้าร่วมกิจกรรม

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ สแปมดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นบนเฟสบุ๊ก แม้ว่าเว็บไซด์เครือข่ายสังคมจะเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมใช้ในการแสดงตัวตน ให้บุคคลอื่นรับรู้

นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังในเชียงใหม่รายหนึ่งพูดถึงปัญหาสแปมบน เฟสบุ๊กว่า ทุกครั้งที่เข้ามาในเฟสบุ๊กจะเห็นว่ามีกิจกรรมเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เรายังไม่เคยไปตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมจากที่ไหน แต่มันเป็นการเชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรม

“แต่ละวันจะเข้ามาประมาณ 3-4ครั้ง แม้ว่าเราจะกดไม่เข้าร่วมกิจกรรม มันก็ยังส่งมาอีก แต่เปลี่ยนชื่อคนส่งแทน”

จากปัญหาสแปมที่เริ่มเข้ามาระบาดบนเฟสบุ๊กได้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้มีสมาชิกเว็บบอร์ดพันธุ์ทิพย์ ดอทคอม ห้องเฉลิมไทย ที่ใช้ชื่อล็อกอินว่า "แพนิดา" ออกมาตั้งกระทู้เตือนภัยสแปมดังกล่าว โดยพาดหัวว่า "ฝากเตือน ธุรกิจอาหารเสริม HBL ที่มาในรูปแบบ JUMP magazine online"

ภายในกระทู้ดังกล่าวพูดถึงปัญหานี้ว่า "เราเป็นคนหนึ่งที่เคยโดนนิตยสาร JUMP Magazine online ติดแท๊กรูปของนิตยสารบนเฟสบุ๊ก ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงกรอกข้อมูลลงไป หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงโทรมาหา คุยสักพักก็บอกว่าโทรมาจากบริษัท Global Adverting ซึ่งเราจำได้ว่าเป็นธุรกิจของยาลดน้ำหนักยี่ห้อ Herbalife"

"เจ้าหน้าที่พยายาม จะบอกเราว่า บริษัทรับทำแม๊กกาซีน ออนไลน์ โดยเรียกให้เราไปอบรมวิธีการโฆษณาผ่านแม๊กกาซีน ออนไลน์ ที่ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถ.สาธร แต่จริงๆ แล้วเป็นการเรียกไปอบรมเพื่อให้รู้ว่า ถ้าทำเฮอร์บาไลฟ์ แล้วจะได้เงินเยอะแค่ไหน"

เมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงปัญหาเดิมๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ เพียงแต่ปัจจุบันด้วยกระแสความร้อนแรงของเฟสบุ๊ก จึงทำให้มิจฉาชีพเหล่านี้ เริ่มมองเห็นช่องทางใหม่ในการทำตลาดธุรกิจขายตรง หรือเอ็มแอลเอ็ม เหมือนที่หลายๆ ธุรกิจทำ การแก้ ปัญหาเบื้องต้นที่ผู้บริโภคพอทำได้ในขณะนี้คือการหลีกเลี่ยงการกดตอบรับ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม หรือกรอกข้อมูลส่วนตัว อีเมล์ และเบอร์โทรศัพท์ลงไป เพื่อป้องกันการถูกคุกคามทางโทรศัพท์ หรือการรายงานกิจกรรมดังกล่าวไปยังผู้ดูแลระบบ โดยกดด้านล่างสุดของหน้าเว็บเพจ จากนั้นเลือกเหตุผลในการร้องเรียน

ตัวแทนจากสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) กล่าวว่า ถ้าผู้บริโภคมั่นใจว่าสแปมที่เข้ามาในเฟสบุ๊กมาจากบริษัทเดียวกัน สามารถรวมตัวกันเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว เพื่อเป็นการปลุกแสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นถึงความเดือดร้อนที่ได้รับ และเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ทันท่วงที

Company Related Link : Facebook





มีรูปแบบในการเชิญชวนที่แตกต่างกันออกไป



ผู้ใช้งานเฟสบุ๊กจะได้รับสแปมเหล่านี้ไม่ซ้ำแต่ละวัน แม้จะกดไม่เข้าร่วมกิจกรรมไปแล้วก็ตาม



"JUMP Magazine online" เป็นหนึ่งในสแปมที่ถูกส่งเข้ามาบ่อยที่สุด



รายละเอียดการเข้าร่วมกิจกรรม ที่มีการระบุถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วม



กระทู้เตือนภัยที่ที่ได้รับความเดือดร้อนออกมาตั้งบนเว็บไซต์พันธ์ทิพย์ ดอทคอม



วิธีการแก้ไขในเบื้องต้นคือการแจ้งไปยังผู้ดูแลระบบเพื่อรับทราบ

แหล่งข้อมูล



สวัสดีครับ ผมนาย Speedy นะครับ ขอบคุณนะครับที่เพื่อนๆ สนใจจะลงโฆษณาในบล็อกของผมนะครับ
speedinternet.ws เป็นเว็บไซต์ ที่แบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ไว้สำหรับพบปะพูดคุย
รวบรวมข่าวสารทุกเรื่อง ทั้งในเมืองไทยและเมืองนอกมารวมด้วยกัน
และมีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนไฟล์ ทั้งที่เป็นความรู้และบันเทิง

ราคาโฆษณา ของ Speedy Talk Blog


สำหรับผู้ที่สนใจลงโฆษณา หรือ ต้องการคุยรายละเอียดเิพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่

ติดต่อได้ที่ Email: speedinternet.ws@gmail.com




งบ ส.ส. เกิดขึ้นสมัยรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร เพื่อลดแรงกดดันของ ส.ส.พรรคสหประชาไทย เนื่องจาก รธน.ปี 2511 ห้ามมิให้ ส.ส.ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยในปีงบประมาณ 2513 ได้มีการตั้งงบให้ ส.ส. เรียกว่า "งบพัฒนาจังหวัด" คนละ 3 แสนบาท และในปีงบประมาณ 2514 ได้เพิ่มเป็นคนละ 4 แสนบาท ก่อนที่จะเลือนหายไปจากกระบวนการจัดทำงบประมาณภายหลังการรัฐประหารเดือน พ.ย. 2514

ต่อมาสมัยรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ในปี 2523 ได้ปัดฝุ่นงบ ส.ส. ขึ้นมาอีกครั้งโดยใช้ชื่อว่า "โครงการพัฒนาจังหวัดตามข้อเสนอของ ส.ส." และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "โครงการพัฒนาชนบทและชุมชน" งบ ส.ส.ยุคที่สองผู้แทนจะได้รับจัดสรรคนละ 1.5 ล้านบาท กระทั่งถึงปีงบประมาณ 2534 จะได้รับจัดสรรเพิ่มเป็น 5 ล้านบาท แต่พอถึงปีงบประมาณ 2535 ได้ถูกตัดออกไป เนื่องจากมีการรัฐประหารเดือน ก.พ. 2534

งบพัฒนาจังหวัดได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สามในปีงบประมาณ 2536 โดยเรียกชื่อใหม่ว่า "โครงการพัฒนาพิเศษตามข้อเสนอของ ส.ส." ด้วยการริเริ่มของ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ผู้แทนแต่ละคนจะได้รับงบพัฒนาจังหวัดรายละ 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับการจัดสรรงบตาม "โครงการพัฒนาจังหวัดของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามข้อเสนอของ ส.ส." อีกคนละ 15 ล้านบาท รวมเป็นคนละ 20 ล้านบาท/ปี

จนกระทั่ง รธน.ปี 2540 ไม่ต้องการให้ ส.ส.หาประโยชน์จากการใช้งบประมาณแผ่นดิน จึงได้มีบทบัญญัติ ห้าม ส.ส. ส.ว. หรือ กรรมาธิการ เสนอหรือแปรญัตติหรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้ผู้แทนปวงชนเหล่านี้มีส่วนในการใช้งบประมาณไม่ว่าทางตรงหรือทาง อ้อม นั่นเป็นเพียงข้อห้ามทางนิตินัย แต่ในทางพฤตินัยเป็นอย่างไร ก็รู้ ๆ กันอยู่



ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




The 3rd Birthday เป็นเกมที่น่าเล่นมากๆ ส่วนตัวเล่นมาตั้งแต่ Parasite Eve 1 และ 2 ของเครื่อง PS1 เป็นเกมที่สนุกมาก ภาพหลายอย่างเกือบเหมือน Resident evil แต่ระบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และภาค The 3rd Birthday ภาพสวยมาก ที่ชอบที่สุดคงเป็นเนื้อเรื่อง เพราะดูซับซ้อน น่าติดตามดีครับ... ไปดูคลิปตัวอย่างดีกว่า

Trailer: The 3rd Birthday ตัวนี้เป็น Trailer ล่าสุดจากงาน Gamescom 2010 นั่นเองไปชมกันเลยครับ กับความคืบหน้าของตัวเกม ซึ่งทาง Square Enix ยังไม่ประกาศวันวางจำหน่ายแต่อย่างใด




| | edit post
จ่อเลิกใช้ “บีบี” ในไทย “กทช.”ถาม “ไอซีที” กรณีแบล็คเบอร์รี่มีระบบจัดส่งข้อมูลอัตโนมัติ หวั่นผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 18 ส.ค. พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด)ว่า กรณีที่องค์กรกำกับกิจการโทรคมนาคมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ระงับการให้บริการ รับส่งข้อความ และการเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านเครื่องแบล็คเบอร์รี่ (บีบี) ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.53 โดยครอบคลุมนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจที่เดินทางเข้าประเทศ โดยยูเออี ระบุว่า แบล็คเบอร์รี่ให้บริการเกินขอบเขตกฎหมายของประเทศ จนก่อให้เกิดความกังวลด้านสังคมและความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องการจัดเก็บข้อมูลที่แบล็คเบอร์รี่มีระบบจัดส่งข้อมูล อัตโนมัติจากผู้ใช้ไปยังผู้ให้บริการในต่างประเทศ หากมีการทำผิดกฎหมายจะส่งผลให้ทางการยูเออีไม่สามารถเอาผิดได้ ตนจึงนำประเด็นดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุม

บอร์ด กทช.กล่าวต่อว่า จากการที่แบล็คเบอร์รี่มีระบบจัดส่งข้อมูลอัตโนมัติจากผู้ใช้ ไปยังผู้ให้บริการในต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถจัดการข้อมูลได้เมื่อต้องการใช้ข้อมูล และมีความกังวลใจว่าข้อมูลที่ส่งถึงกันระหว่างผู้ใช้งานจะเข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 หรือไม่ ในส่วนของการเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ 90 วัน (ล็อกไฟล์) ซึ่งต้องสอบถามไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ผู้ดูแลและปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 โดยที่บอร์ด กทช. มีมติให้ทำหนังสือสอบถามให้เร็วที่สุด

“ในมุมมองของไทยไม่ได้มองว่าบีบีมีความละเอียดอ่อนต่อความมั่นคงของประเทศ เพราะข้อมูลที่อยู่ในเซิร์ฟเวอร์ของบีบี เป็นเพียงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเท่านั้น ซึ่งในประเทศไทยไม่มีหน่วยงานใดใช้บีบีในการติดต่อสื่อสารกัน เหมือนกับประเทศที่ออกมาให้เรียกร้องก่อนหน้านี้ที่ต้องใช้บีบีในการสื่อสาร ซึ่งไทยมีช่องทางในการสื่อสารที่หลากหลาย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ประเทศที่มีการเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้งานโปรแกรมบีบี ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย ซาอุดิอาราเบีย สำหรับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท รีเสิร์ช อินโมชั่น จำกัด หรือริม ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนแบล็คเบอร์รี่ ตั้งอยู่ที่ประเทศแคนาดา อย่างไรก็ตามช่วงที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกาศไม่ให้ใช้โปรแกรมแชทของแบล็คเบอร์รี่ “ริม” ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ริมเคารพต่อกฎหมายของแต่ละประเทศ ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นหลัก โดยยืนยันว่าข้อมูลขององค์กรธุรกิจที่รับส่งผ่านระบบแบล็คเบอร์รี่มีความ ปลอดภัยสูง ไม่มีใครสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ แม้แต่พนักงานของริม เพราะแบล็คเบอร์รี่ใช้โซลูชั่น แบล็คเบอร์รี่ เอนเตอร์ไพรส์ ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและเป็นจุดขายของแบล็คเบอร์รี่ในการทำตลาด ภาครัฐและลูกค้าธุรกิจ



ที่มา : เดลินิวส์ 18 สิงหาคม 2010



Code Geass R2 หรือ โค้ด กีอัส ภาคที่ 2 เป็น Anime การ์ตูนญี่ปุ่น แนว สงคราม หุ่นยนตร์รบ วางแผน หักเหลี่ยม เฉือนคม มีกลิ่น อาย รูปแบบการ ดำเนิน เนื้อเรื่อง คล้ายกับ วีดีโอเกม แนว RPG วางแผน Turn Base โดยการ์ตูนเรื่อง นี้แบ่งเป็น 2 ภาค ออกฉายทางทีวี ในปี 2006 และ ปี 2008 Code Geass ทั้ง 2 ภาคนั้น

ได้รับ รางวัล การ์ตูนญี่ปุ่น Anime ยอดเยี่ยมทั้ง ในปี 2007 และ ในปี 2009 แต่ละภาค มีจำนวนตอนทั้งหมดสิ้น 25 ตอนจบ รวมทั้ง สองภาค 50 ตอนจบ ใน ภาคที่ 2 นั้น ออกฉายครั้งแรก ทางโทรทัศน์ ที่ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่าง วันที่ 6 เมษายน 2008 ถึง วันที่ 28 กันยายน 2008

Code Geass: Lelouch of the Rebellion R2 สร้างโดย สตูดิโอ ซันไรส์ และ ออกแบบคาแรกเตอร์ตัวละคร โดยกลุ่มนักวาดการ์ตูน CLAMP ชื่อดัง ซึ่งมีผลงานเป็นที่รู้จักมากมาย เช่น เรื่อง สึบาสะ สงครามเทพข้ามมิติ หรือ เรื่อง XXXHOLiC

เนื้อเรื่อง : ในภาคที่ 2 นั้น เป็นภาคต่อ จากภาคแรก จะกล่าวถึง บทสรุป สุดท้าย และ ความเป็นมา ของ กีอัส Geass หรือที่เรียกว่า พลังแห่งราชันย์ พลังความสามารถเหนือธรรมชาติที่คนบางคน (แม่มด) สามารถมอบให้กับผู้ที่ทำพันธะสัญญา ลักษณะของคนที่ได้รับพลังนี้ที่ตาจะมีสัญลักษณ์คล้ายรูปนกมีสีแดงเมื่อใช้

กีอัส ของแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับพื้นฐาน ของนิสัยแต่ละคนและมีอยู่ในตาข้างเดียว เมื่อใช้มาก ๆ จะทำให้พลังกล้าแกร่งขึ้นแต่ในขณะเดียวกันบางครั้งอาจไม่สามารถควบคุมพลัง ได้ แต่พลังกล้าแกร่งถึงที่สุดจะสามารถถอด Code (รหัส) ได้ ทำให้ได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยพลังนี้อาจอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายทำให้กีอัสกล้าแกร่งมากขึ้น และสามารถคุยกับผู้ใช้กีอัสคนอื่นได้และสามารถมอบความตายให้กับคู่พันธะ สัญญาได้แม้จะไม่ยินยอมก็ตามที

กีอัส ทุกอันล้วนมีความสามารถและข้อจำกัดในตัวเอง (เช่นกีอัสของลูลูซใช้ได้เพียงครั้งเดียวต่อคนเท่านั้นและต้องมองตาอีกฝ่าย) สามารถทำให้เอาชนะใครก็ได้ หากเข้าใจในพลังกีอัสของตนก็สามารถพัฒนาพลังให้มากขึ้นดังที่ปรากฏในเรื่อง เช่น การเปลี่ยนความคิดและปณิทานของแต่ละบุคคลหรือแม้แต่ความทรงจำ ซึ่งที่กล่าว มานี้จะเป็น ปริศนา และ บทสรุป สุดท้าย…

ภาพยนตร์ อนิเมชั่น Anime การ์ตูนญี่ปุ่น Code Geass โค้ด กีอัส ทั้ง 2 ภาค นั้น ได้รับรางวัล มากมาย จากงานมอบรางวัลที่ต่างๆ และ โตเกียว อนิเมะ อวอร์ด ที่จัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น (งานมหกรรม การ์ตูน ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นปีละครั้ง ที่โตเกียวประเทศญี่ปุ่น) รางวัล หลักๆ ใหญ่ๆ โดดเด่น ที่ได้รับ

  • รางวัล Anime ประเภท TV Serie ยอดเยี่ยม จากงาน Tokyo International Anime Fair (TAF) 2007
  • รางวัล Anime ประเภท TV Serie ยอดเยี่ยม จากงาน Tokyo International Anime Fair (TAF) 2009
  • รางวัล คาเรกเตอร์ การ์ตูน Anime ตัวละครหญิง ยอดนิยม C.C. ซีซี
  • รางวัล คาแรกเตอร์ การ์ตูน Anime ตัวละครชาย ยอดนิยม Lelouch Lamperouge ลูลูซ
  • รางวัล นักพากย์ Anime ชาย ยอดเยี่ยม ปี 2009 นาย Jun Fukuyama พากย์เสียง ลูลูซ พระเอก ของเรื่อง






ที่มา : http://www.kizeki.com

Animation vs Animator II

เขียนโดย Panya Chitmedha On 04:22 0 ความคิดเห็น


คนทำเนี่ยสุดยอดจริงๆ



เป็นอีกข่าวที่น่าแปลกใจในภาวะที่อาจจะไม่น่าแปลกใจ อ้าวเขียนอะไรเริ่มงง ใช่แล้วครับตอนนี้มีข่าวปรับราคาของเครื่อง BB รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง BB Torch 9800 ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้เองในตลาด USA ได้แค่ Week เดียวด้วยราคา 199 US แต่วันนี้ดันปรับลดราคาซะแล้วเหรือแค่ 99 US แต่ก่อนอื่นราคาที่พูดนี้ก้คือราคาติดสัณญานะครับ

หลังๆทาง BB มีปัญหาตอดความเจริญมากมายนอกจาปัญหาเรื่องการแบนในประเทศดังๆ หรือการชะลอตัวจากการใช้งานที่โดนแย่งตลาดจาก Os อื่นๆเช่น แอนดรอย หรือ แอปเปิ้ล แต่ยังไงก้ตามสำหรับเมืองไทย ตอนนี้ก้ยังไม่รู้ราคาว่าจะถูกวางไว้ที่ราคาไหนกันแน่ แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้กำลังจัดโปรโมชั่นเลหลัง BB9700 กับ รุ่น Curve อยู่ แหม...คนซื้อทีหลังสบายไปเลย

ที่มา : thaids


หลายคนชอบ iPhone ที่มีแอพพลิเคชันให้เล่นมากมาย แต่ประเด็นที่ผู้ใช้ยังคงรู้สึกมาโดยตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คือ "แบตเตอรี่"ที่หมดเร็วเหลือเกิน ซึ่งความจริง iPhone ไม่ได้ผิดอะไร เพราะมันก็พยายามให้บริการกับผู้ใช้อย่างดีทีสุด ข้อเท็จจริงคือ ผู้ใช้สามารถจัดการการใช้พลังงานแบตฯของ iPhone ให้ได้นานขึ้น เหมือนกับที่เราคอนฟิกระบบจัดการพลังงานบนโน้ตบุ๊คยังไงยังงั้น

วันนี้ก็เลยขออนุญาตแนะนำวิธีเซตอัพให้ iPhone ของคุณใช้พลังงานแบตเตอรี่อย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปติดตามกันดูเลยครับว่า 8 วิธีประหยัดแบตฯ iPhone ให้ใช้ได้นานขึ้นนั้น มีอะไรบ้าง?

ปิดคุณสมบัติการแจ้งเตือน ทราบไหมครับ ว่า ระบบแจ้งเตือน (push notification) ที่เปิดให้แอพฯ ต่างๆ ได้มีโอกาสอัพเดตข้อมูลไปจนถึงตัวโปรแกรมเอง Notification เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ใช้พลังงานแบตฯมิใช่น้อย หากไม่จำเป็นต้องใช้ก็ปิดไปก่อนดีกว่า ผู้พัฒนาแอพฯส่วนใหญ่จะเขียนโปรแกรม ให้ใช้คุณสมบัตินี้ ซึ่งในกรณีทีมีแอพฯหลายตัวอยู่ใน notification แบตเตอรี่ก็จะถูกใช้มากตามไปด้วย เนื่องจากทุกครั้งทีมีกระตุ้นเตือน ระบบจะต้องมีการเชื่อมต่อไร้สาย (Wi-Fi, 3G, Edge, etc.) ไปยังเว็บไซต์ของแอพฯ เหล่านั้น


ปิด push e-mail หากคุณไม่ได้กำลังรออีเมล์ด่วนจาก ใคร แบบมาปุ๊บต้องเปิดอ่านทันที ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดการทำงานของ push e-mail เพราะเพียงแค่แตะไอคอน e-mail ที่ดีฟอลต์การทำงานของโปรแกรม มันก็จะตรวจเช็คทุกอินบ๊อกซ์ (All Inboxes) ให้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว สะดวกง่ายดาย ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้



ปิดการใช้สัญญาณวิทยุทุกประเภทที่ไม่ได้ใช้ ผู้ใช้ บางท่านไม่ทราบว่า เราสามารถปิด (disable) การทำงานของ 3G ได้ ซึ่งมันจะช่วยให้คุณสำรองแบตเตอรี่ไว้ใช้ได้นานขึ้น และหากต้องการประหยัด พลังงานมากกว่านี้อีกก็ปิด Wi-Fi, Bluetooth และ GPS เนื่องจากการค้นหาสัญญาณวิทยุเหล่านี้จะเป็นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ของ iPhone มากทีเดียว หากคุณต้องการเล่นเกมส์ อ่านอีบุ๊ค ฟังเพลง หรือดูคลิปวิดีโอที่อยู่ในเครื่องได้นานขึ้นขณะเดินทางไกล ลองปิดการทำงานของคุณสมบัติเหล่านี้ดูนะครับ



ปิดการทำงานในแบคกราวด์ (background tasks) สำหรับ ผู้ใช้ iOS 4 ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติ multitasking การเปิดแอพฯค้างไว้ในเครื่องหลายๆ ตัวโดยไม่ปิด เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่ของคุณหมดเร็ว โดยเฉพาะแอพฯที่มีการติดต่อกับเน็ต อย่างเช่น Skype ซึ่งผู้ใช้จะต้องเสียพลังงานแบตฯมากมายหากต้องรอคอย ขั้นตอนการปิดก็แค่ดับเบิ้ลคลิกปุ่ม Home รายการแอพฯที่รันค้างจะปรากฎขึ้นด้านล่าง ใช้นิ้วจิ้มค้างไว้จนวงกลมสีแดงปรากฎขึ้นมาที่มุมบนซ้ายของไอคอน ให้ใช้นิ้วแตะเพื่อปิดพวกมันไปซะ แค่นี้ก็เรียบร้อย



ตั้งค่าความสว่างของหน้าจอเป็นแบบปรับอัตโนมัติ การ ลดความสว่างของหน้าจอช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้มากทีเดียว แต่มันก็ดูขัดกับความต้องการผู้ใช้ เพราะหลายคนชื่นชอบหน้าจอ iPhone ตรงที่มันสว่างสดใสนั่นเอง ดังนั้นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าก็คือ การปรับแสงสว่างโดยอัตโนมัติ ซึ่ง iPhone จะสามารถปรับความสว่างของหน้าจอเทียบกับแสงสว่างของสิ่งแวดล้อมให้โดย อัตโนมัติ โดยเฉพาะการใช้งานใน หรือนอกสถานที่ที่มีแสงสว่างแตกต่างกันพอสมควร เพราะมันไม่จำเป็นเลยที่จอ iPhone ของคุณต้องสว่างตลอดเวลา



ปิดการตอบสนองของเกมส์ที่ใช้ force feedback เกมส์ แอคชั่นหลายๆ เกมส์จะใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติการสั่น (vibrate feature) ในการจำลองความรู้สึกโต้ตอบที่เกิดขึ้นในเกมส์ ซึ่งโดยกลไกการทำงานลักษณะดังกล่าว จะต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มาก สำหรับการขับให้มอเตอร์ลูกเบี้ยวทำงานนั่นเอง

หาตัวช่วยอย่างปลอกสำรองแบตฯ (battery back-up case) แม้ ปลอกใส่ iPhone พวกนี้จะทำให้มือถือของคุณหนาขึ้น แต่กับระยะเวลาในการใช้งานที่นานขึ้นเป็น 2 เท่ามันก็คุ้มค่าดีนะครับ ไม่เชื่อลองให้น้องผึ้งแนะนำอีกทีก็ได้ครับ :D

ซิงค์ iPhone อย่างสม่ำเสมอ แม้คุณจะไม่ค่อยเปลียนแปลง Playlists หรือติดตั้งแอพฯใหม่ๆ บ่อยนัก การซิงค์ iPhone กับ PC อย่างสม่ำเสมอจะทำให้คุณได้ใช้ OS และเฟิร์มแวร์รุ่นล่าสุด เนื่องจากอัพเดตของ Apple มักจะมีการพัฒนาประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานของแบตเตอรี่ด้วย



หวังว่า ทิปเล็กๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานแบตฯ iPhone ให้ใช้ได้นานขึ้นนี้ จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ :)


ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์


รวบสองข่าวใกล้เคียงกันเลยนะครับ ต้นทางมาจากจีนเหมือนกันทั้งคู่

ข่าวแรกคือมีวิดีโอหลุดมาจากเว็บไซต์ zol.com.cn ในประเทศจีน แสดงให้เห็น Nokia C7 ที่เคยมีภาพและข้อมูลหลุดออกมาก่อนหน้านี้ ข้อมูลในวิดีโอนี้หลายอย่างเราก็รู้อยู่ในแล้ว เช่น จอ 3.5", กล้อง 8MP พร้อมแฟลชสองตัว, Symbian^3 แต่ที่เป็นข้อมูลใหม่คือมันเล่นวิดีโอ 720p (H.264) และอาจวางขายก่อน N8 เสียด้วยซ้ำ







ที่มา - Engadget

ข่าวที่สองเป็นภาพหลุดจากจีนเช่นกัน แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องรุ่น เพราะบ้างก็ว่ามันคือต้นแบบของ N9 ที่ยังไม่เสร็จดี บ้างก็ว่ามันคือ "RM-680" มือถือต้นแบบที่ใช้กันแค่ภายใน แต่ตัวเครื่องมันเป็นมือถือแบบสไลด์ที่มีคีย์บอร์ด QWERTY แนวนอน ยังไม่มีข้อมูลอื่นใดของมือถือตัวนี้ นอกจากวันวางขายในเดือนธันวาคมครับ






สังคมเครือข่ายออนไลน์อย่าง Facebook ปัจจุบันนั้นผลักดันตัวเองจนมีบทบาทในชีวิตของมนุษย์ไซเบอร์ นับว่าถ้าใครยังไม่มีถือว่าเชย..

สำหรับ เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ได้ย่นย่อโลกทั้งใบมาไว้เพียงแค่ปลายนิ้วมือ รวมทั้งโลกส่วนตัวของแต่ละคนที่ดูเหมือนจะกลายเป็นกระแส ‘เรื่องส่วนตัวในโลกสาธารณะ' ที่ทุกอย่างจะถูกนำมาแชร์กันผ่านFacebook กันอย่างหมดเปลือกมากขึ้น ความเป็นบุคคลสาธารณะ แม้จะไม่ได้เป็นซูเปอร์สตาร์หรือเซเลบริตี้ ชื่อดัง กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วสำหรับสังคมโลกไซเบอร์ยุคนี้ ถ้าอย่างนั้นคุณพร้อมหรือยังที่จะเจอ เรื่องสุดเซอร์ไพรส์ในชีวิต ที่เกิดจากผลพวงของสังคมเครือข่ายออนไลน์บน Facebook เหมือนคนเหล่านี้

1.สาวเหวอ! ถูกขโมยรูปที่โพสต์บน Facebook

1..2..3.. ยิ้มหน่อย!! นาทีแห่งความสุขของครอบครัวมิสซูรี่ (Missouri) ที่โพสต์รูปถ่ายของพวกเขาไว้ตอนช่วงคริสต์มาสเป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำที่ดี ที่ครอบครัวนี้ต้องการแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ ของเขาบน Facebook ได้เห็น แต่มันไม่ได้อยู่แค่เพียงหน้าส่วนตัวบน Facebook ของพวกเขาเท่านั้น หากแต่ภาพแห่ง ความสุขของครอบครัวไีด้โชว์หราบนแผ่นป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ที่ร้านขายอาหารแห่ง หนึ่งในกรุงปราก รูปถ่ายนี้ของพวกเขาได้กลายมาเป็นภาพโฆษณาที่ไม่ได้มีการขออนุญาตจากเจ้าของ ภาพเลยแม้แต่น้อย เจ้าของร้านค้าแห่งนี้ มาริโอ เบอร์ทุกซิโอ บอกว่า เขาได้นำภาพนี้มาจากอินเตอร์เน็ต และเขาก็ไม่รู้เลยว่ามันเป็นภาพของครอบครัวที่มีอยู่จริงๆ

2.ชวดเงินหลายล้านบาท เพราะภาพบนชายหาดภาพเดียว

นา ตาลี แบรนชาร์ด เป็นสาว Facebook ที่โชคร้ายที่สุดในรอบปีที่ผ่านมาก็ว่าได้ เพราะบริษัทประกันที่เธอเป็นลูกค้าอยู่ปฏิเสธที่จะให้เงินค่าประกันรายเดือน ที่เคยให้เธอตลอด 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา เนื่องจากเธอเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้เธอต้องออกจากงานที่บริษัทไอบีเอ็มที่โบรมองต์ ทั้งนี้เป็นเพราะทางบริษัทประกันพบว่า นาตาลีได้โพสต์รูปถ่ายขณะที่เธอกำลังสนุกสนานอยู่บนชายหาดแห่งหนึ่ง และกำลังเริงร่าอยู่ในปาร์ตี้วันเกิดของเธอเองอย่างมีความสุข ดังนั้นบริษัทประกันก็เลยคาดว่า เธอหายป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแล้วจึงงดการจ่ายเงินประกันและสิทธิที่เธอควรจะ ได้รับขณะป่วย งานนี้ไม่รู้ว่านาตาลีจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหนักกว่าเดิมอีกหรือเปล่า

3.เจ้าบ่าวอัพเดทหน้า Facebook ขณะกำลังทำพิธี

" เจ้าบ่าวจะรับเจ้าสาวเป็นภรรยาตลอดชีวิตหรือไม่" ขณะที่บาทหลวงกำลังถามคำถามสำคัญที่สุดในชีวิตกับคนที่เป็นเจ้าบ่าวในงาน แต่งงาน ขณะที่เจ้าบ่าวคือ นายดานา ฮันน่า นักพัฒนาซอฟต์แวร์ ได้ใช้มือถือของเขาพิมพ์อัพเดทสถานภาพของตัวเองบน Facebook และ Twitter อยู่อย่างขะมักเขม้น ข่าวไม่ได้บอกว่า งานนี้เจ้าสาวของเขามีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ดูแล้วน่าจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการแต่งงานที่ค่อนข้างอึมครึมซะแล้ว

4.ภรรยาถูกสามีประกาศเลิกผ่านทาง Facebook

การ บอกเลิกกันเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญเอาการสำหรับคู่สามีภรรยาที่อยู่กิน กันมานาน แต่การบอกเลิกผ่านทางอินเตอร์เน็ตนั้นดูจะเป็นการกระทำที่เกินไปสักหน่อย เอ็มม่า แบรดดีย์ หญิงสาววัย 35 ปี ช็อก เมื่อเธอได้เห็นสามีโพสต์บนอินเตอร์เน็ตว่า ‘เนล แบรดลีย์ ได้จบชีวิตแต่งงานกับ เอ็มม่า แบรดลีย์ แล้ว' เอ็มม่าบอกว่า เธอไม่รู้จริงๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ จนกระทั่งเพื่อนซี้ของเธอที่อยู่ในเดนมาร์กโทรมาเช็กว่าเธอโอเคอยู่หรือ เปล่า หลังจากเพื่อนของเธอเห็นโพสต์นี้ก่อนเธอ อดีตสามีตัวดีคือ เนล แบรดลีย์ที่ขณะนี้กำลังอาศัยอยู่กับแม่ของเขาได้โพสต์เพิ่มเติมว่า ‘ในที่สุดผมก็สิ้นสุดกับเธอซะที'

5. 1 ในล้าน หนุ่มสาวชื่อ-นามสกุลเดียวกัน แต่งงานกันเพราะ Facebook

อะไร มันช่างบังเอิญอย่างนั้นสำหรับคู่รักคู่นี้ มันคงไม่ใช่เรื่องประหลาดสำหรับรักแรกพบบนออนไลน์ ถ้าพวกเขาไม่ได้มีชื่อและนามสกุลเหมือนกันเด๊ะ! ฝ่ายชายชื่อเคลลี่ ฮิลแบรนดท์ พบสาวสุดน่ารักจากฟลอริดาชื่อ เคลลี่ ฮิลแบรนดท์ และพวกเขาทั้งคู่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานด้วยกัน คู่รักบุพเพคู่นี้พบกันได้เมื่อเคลลี่ฝ่ายหญิง เกิดนึกสงสัยว่า จะมีใครชื่อเดียวกันกับเจ้าหล่อนบ้างบน Facebook ก็เลยเซิร์ชหาคนที่มีชื่อนี้ปรากฏว่า ชื่อของเคลลี่ฝ่ายชายก็ปรากฏขึ้นเป็นชื่อเดียว พร้อมรูปภาพที่ไม่ได้ใส่เสื้อของเคลลี่ชายที่โพสต์ไว้ เธอก็เลยคิด ‘โอ้ เขาน่ารักดีนะ' แล้วเธอก็เลยเกิดอยากจะเซย์ไฮนิยายรักออนไลน์ของหนุ่มสาวคู่นี้ก็เริ่มขึ้น อีก 8 เดือนต่อมาจนกระทั่งแฮปปี้เอ็นดิ่งในที่สุด

6.เด็กหญิงวัย 13 มีเซ็กซ์กับผู้ชายแปลกหน้าที่พบบน Facebook และซ่อนเขาไว้ในตู้เสื้อผ้า

เกิด อาการช็อกซีนีม่าขึ้น สำหรับคุณแม่ของเด็กสาววัย 13 เมื่อคนเป็นแม่เปิดประตูตู้เสื้อผ้าของลูกสาว แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลายเป็นเด็กผู้ชายอายุ 19 ซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้านั่นเอง ลูกสาววัยรุ่นยอมรับว่า เธอได้มีเซ็กซ์กับผู้ชายคนนี้หลังจากที่พบกับเขาบน Facebook และซ่อนเขาไว้ในตู้เสื้อผ้าเป็นเวลา 2 วัน คุณแม่ของเด็กสาวแจ้งความกับตำรวจทันที ผลก็คือ เฟสบุ๊ค โรมิโอ ก็ได้ถูกขังคุกโทษฐานกระทำชำเราผู้เยาว์นั่นเอง


พลังแห่ง Faithbook!

เดี๋ยว นี้ใครไม่ใช้บริการ Facebook ถือเป็นคนที่เชยสุดๆ ในสายตาของนักท่องเน็ตเพราะปัจจุบันทั้งกลุ่มบรรดาเพื่อนๆ และสมาชิกครอบครัวได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนสิ่งที่พวกเขาสนใจ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ หรือเว็บไซต์ ผ่าน Facebook มากขึ้น
ขนาดที่ ว่าหนังสือพิมพ์ซานฟรานซิสโก ครอนิเคิล รายงานว่า บริษัทคอนฟิท อิงค์ซึ่งเป็นบริษัทประเมินด้านเว็บไซต์ระบุว่า การเข้าไปใช้บริการ Facebook กลายเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้ชั้นนำเหมือนเว็บท่าหลัก อย่าง Yahoo และ MSNมากทีเดียว ตัวเลขที่ทางคอมพีท อิงค์จัดเก็บเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า 15%ของการเข้าไปใช้บริการเว็บท่าสำคัญ เช่น Yahoo, MSN และ AOL มาจากผู้ใช้บริการเครือข่ายสังคม Facebook 13% อันดับสองคือ Ebay 7.61% อันดับสาม Google 7%และ My Space 2% นอกจากนี้ ตัวเลขจากผลสำรวจของ Pew Research Centerบ่งชี้ให้เห็นว่าความนิยมในบล็อกเริ่มลดลงในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งหันมาใช้บริการเครือข่ายชุมชนออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊คแทน จึงไม่น่าแปลกใจที่วัยรุ่นถึง 73% หรือ 1 ในทุก3 คน รวมทั้ง 72% ของคนวัยหนุ่มสาวใช้บริการของเครือข่ายชุมชนออนไลน์อย่างเฟซบุ๊คและมายสเปซ (MySpace) แต่เมื่อแก่ตัวลง อายุมากขึ้น คนเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะใช้บริการเครือข่ายชุมชนออนไลน์ลดลง โดยเมื่อปี 2009 ผู้ใหญ่วัย 30 ปีขึ้นไปจำนวน 40% ใช้บริการชุมชนออนไลน์กรณีศึกษา

* พอ ล่า ถูกหนึ่งในเพื่อนที่อยู่ในลิสตบ์ Facebook ฉกรูปที่ พอลลา่ถ่ายไว้กับเพื่อนชายของเธอ และเธอนำมาโพสต์ไว้ในเน็ต จนกระทั่งเป็นข่าวดังครึกโครม พร้อมเสียงวิจารณ์ต่างๆ นานา พอลล่าบอกว่าจริง ๆ แล้วในเป็นรูปที่โพสไว้บนหน้า Facebook ของเธอที่มีเฉพาะคนที่เป็นเพื่อนที่อยู่ในลิสต์เท่านั้นที่จะเห็น ครั้งหน้าเธออาจต้องซีเรียสกับการจะ add ใครสักคนเป็นเพื่อนในลิสต์เธอมากขึ้นเสียแล้ว


* ใน ต่างประเทศ มีเรื่องร้องเรียนจากบรรดาญาติของครอบครัวที่ถูกคนร้ายฆาตกรรมเรื่องมีอยู่ ว่า เหล่าบรรดานักโทษที่ถูกคุมขังโทษฐานฆ่าคนตายนั้น ได้ใช้ Facebook เป็นเครื่องมือข่มขู่ญาติของผู้ตายเหล่านั้นว่า พวกเขากำลังรอที่จะพ้นโทษออกจากคุกและกลับไปแก้แค้นบรรดาญาติ ซึ่งทำให้บรรดาญาติของเหยื่อเกิดความหวาดกลัว จึงร้อวเรียนไปยังตำรวจและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ประสานกับผู้ บริหารของ Facebookในการถอดหน้า Facebook ของนักโทษเหล่านั้นออกจากระบบ

ที่มา: womanplus



ห่างหายไปจากขึ้นเวทีคอนเสิร์ตซะนาน งานนี้ 'หนุ่มสอง' แห่งวง Paradox ก็ขอแนวสุดๆ (ตามสไตล์) แต่งตัวเริ่ดได้ใจ ขึ้นเวที “O2 One Concert” (โอทู วัน คอนเสิร์ต) งานนี้เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆไปได้มากกว่าเพื่อน


กลับมาอีกครั้งกับทริปสุดหรูฟู่ฟ่า สไตล์คลื่นบันเทิง 94 อีเอฟเอ็ม ล่าสุดผุดทริปเอาใจ ขาช้อป



ในชื่อ EFM Shopper Paradise (อีเอฟเอ็ม ช้อปเปอร์ พาราไดซ์) ให้ผู้ฟังลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ร่วมทริปไปตะลุยช้อปปิ้งถึง 3 ประเทศ ที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดแบรนด์เนมสุดหรู ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ และ อิตาลี ในทริปเดียว 7 คืน 8 วัน

ดีเจ. นายแบบผู้สันทัดเรื่องสินค้าแบรนด์แนมประจำคลื่น กันต์ กันตถาวร เผยถึงกติกาการลุ้นไปร่วมทริปสุดหรูครั้งนี้ว่า กติกาง่ายๆเลยครับ ใครที่เป็นขาช้อปตัวจริงเพียงเข้าไปที่เวปไซต์ www.efm.fm แล้ว คลิ๊กร่วมสนุกกันที่หัวข้อ EFM Shopper Paradise จะมีสินค้าของเหล่า ดีเจ. เอ-ไทม์และศิลปินดาราให้เลือกช้อปกันมากมาย ถูกใจชิ้นไหน รีบโทรศัพท์เข้าไปทายราคาหน้าไมค์ที่ 94 อีเอฟเอ็มได้ทุกช่วง ดีเจ. ใครทายถูกก็รับสินค้าชิ้นนั้นไปเลย พร้อมสิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบสัมภาษณ์คัดเลือกเป็นผู้โชคดีร่วมทริปกันต่อไป ยังไงก็ลองคลิกเข้ามาชมสินค้ากันได้ตั้งแต่วันนี้ รับรองว่าเหล่าดีเจ.เอ-ไทม์และศิลปินดัง จะขนสินค้าเก๋ๆมาให้ร่วมช้อปกัน อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ ไปจนถึง IPOD เป็นการอุ่นเครื่อง ก่อนจะบินไปช้อปจริงในเดือนตุลาคมนี้ ณ เมืองที่เป็นศูนย์กลางแฟชั่นของทั้ง 3 ประเทศ อย่าง ลูเซิร์น มิลาน ปารีส ต้นกำเนิดแบรนด์เนมชั้นสูง อย่าง Gucci (กุชชี่), Prada (พราด้า), Louis Vuitton (หลุยส์ วิตตอง), Valentino (วาเลนติโน่) กันให้ จุใจไปข้างนึง กันต์แนะนำว่าเตรียมเก็บเงินกันตั้งแต่เนิ่นๆ และลิสของที่ตั้งใจจะซื้อไว้ให้ดีๆ เพราะเดี๋ยวไปถึงจะช้อปเพลินเกินห้ามใจ โดยเฉพาะที่ FOX TOWN (ฟ๊อกซ์ ทาวน์) ที่เมือง มิลาน กันต์คอนเฟิร์มว่าเป็น เอาท์เล็ท ที่อลังการและมีสินค้าเยอะมาก ยังไงก็รีบๆกันหน่อยนะครับเพราะจะหมดเขตร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีวันที่ 31 สิงหาคมนี้เท่านั้นครับ

ข้อมูลจาก: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เอ-ไทม์ มีเดีย


บริษัทสำรวจตลาดที่ได้รับความเชื่อถือค่อนข้างสูงในบ้านเราอย่าง
The Nielsen Company ได้นำเสนอตัวเลขของบริษัทว่า
ไตรมาสที่สองของปี 2010 เป็นไตรมาสที่ยอดขาย Android แซงหน้า iPhone ไปได้
โดย Android ครองตลาด 27% ขณะที่ iPhone ครองตลาด 23%

เมื่อต้นปีทาง NPD Group เคยสำรวจแบบเดียวกัน
แล้วรายงานว่า Android นั้นแซงหน้า iPhone ไปตั้งแต่ไตรมาสแรก
ขณะที่ตัวเลขของทาง Nielsen นั้นรายงานว่า
ไตรมาสแรกของปีนี้ Android ยังครองตลาดเพียง 17% และ iPhone ยังครองตลาดอยู่ 27%
น่าสนใจว่าหลังการเปิดตัว iPhone 4 มาส่วนแบ่งของ iPhone กลับลดลงเรื่อยๆ ตามรายงานของ Nielsen

ตัวเลขอีกตัวหนึ่งที่สำคัญคือรายงานสำรวจโทรศัพท์ที่จะซื้อเครื่องต่อไป
ที่เคยมีการรายงานจากตัวเลขของ Yankee Group ว่า
ผู้ใช้ iPhone ถึง 77% คิดจะซื้อ iPhone เป็นเครื่องต่อไป แต่ไม่มีตัวเลขของผู้ใช้ Android
ในรายงานฉบับนี้ของ Nielsen ระบุว่าผู้ใช้ iPhone ถึง 89% คิดจะใช้ iPhone เป็นเครื่องต่อไป
ส่วนผู้ใช้ Android นั้นมี 71% ที่คิดจะใช้ Android เป็นเครื่องต่อไป
ที่อาการย่ำแย่จริงๆ คือ Blackberry ที่มีเพียง 42% จะใช้เป็นเครื่องต่อไป



ที่มา : thaiandroidphone


เด็กใจแตก บ้านยากจนที่เติบใหญ่แล้วได้ดี มีแต่ในละครโทรทัศน์เท่านั้น
คุณคิดเช่นนั้นไหม ถ้าใช่ ลองปล่อยความคิดให้ว่าง เปิดใจให้กว้าง แล้วไปทำความรู้จักกับ โอปราห์ วินฟรีย์ “นางเอก” ผู้มีตัวตนอยู่จริงพร้อมๆ กัน



54 ปีก่อน เด็กหญิงโอปราห์ถือกำเนิด ณ ฟาร์มแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในครอบครัวยากจน อีกทั้งยังเป็นคนผิวสีท่ามกลางสังคมที่มองกันเพียงเปลือกนอก สองสิ่งนี้คือคุณสมบัติอันนำมาซึ่งความเสียเปรียบยิ่งโชคร้ายแค่นี้ยังไม่พอ ในวัย 9 ขวบเธอถูกลูกพี่ลูกน้องข่มขืน มิหนำซ้ำยังโดนเพื่อนชาย และลุงแท้ๆ

ลวนลามเป็นประจำ โอปราห์ไม่ปริปากบอกใคร ได้แต่เก็บความเจ็บปวดคับแค้นนี้ไว้กับตัว พออายุได้ 14 ปี โอปราห์ก็ตั้งท้อง ลูกชายของเธอเสียชีวิตหลังคลอดไม่กี่สัปดาห์ การสูญเสียดังกล่าวทำให้ชีวิตของเธอพังยับเยิน แต่เธอก็ปฏิญาณตนว่าจะพลิกฟื้นชีวิตอันย่อยยับกลับคืนมาให้จงได้ 40 ปีผ่านไปบัดนี้ เธอคือผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จ และทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก

เด็กสาวซึ่งชีวิตเหลวแหลกคนนั้น ข้ามอุปสรรคขวากหนามมากมาย กระทั่งปีนป่ายไปยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูงระดับโลกได้อย่างไร หนังสือสร้างคนมานักต่อนัก คำกล่าวนี้น่าจะหมายรวมถึงโอปราห์ด้วย
ยายผู้เลี้ยงดูเธอในวัยเยาว์คือผู้ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน และคอยบ่มเพาะนิสัย “คิดบวก” ให้แก่เด็กหญิง ยายบอกว่าหลานของเธอเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ คำพูดนี้เป็นแรงผลักดันอันมากพอที่จะทำให้เธอมั่นใจกับก้าวต่อๆ ไปของชีวิต

โอปราห์เริ่มใช้พรสวรรค์ด้านการสื่อสารที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเป็นครั้งแรก โดยการอ่านบทเทศนาให้คนใน
โบสถ์ ฟัง ด้วยวัยเพียง 19ปี เธอได้เป็นผู้ประกาศข่าววิทยุที่อายุน้อยที่สุด และเป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกของอเมริกาที่ได้ทำหน้าที่นี้ หลังจากนั้นหญิงสาวก็ย้ายตัวเองทำงานสายโทรทัศน์เรื่อยมา

จนอายุได้ 30 ปี จึงเกิดเหตุการณ์สำคัญถึงขั้นพลิกชีวิต เธอมีโอกาสได้ทำงานเป็นพิธีกรรายการ
ทอล์คโชว์ชื่อ “AMChicago" ด้วยความฉลาดมีไหวพริบในการตั้งคำถาม และบุคลิกอันโดดเด่นของโอปราห์
ทำให้เรตติ้งรายการพุ่งสูงเป็นอันดับ 1 ของเมืองชิคาโก หลังจากออกอากาศไปได้เพียง 1 เดือน จนต้องเพิ่มเวลาแถมยังใช้ชื่อของเธอเป็นชื่อรายการแทนชื่อเก่าอีกด้วย

เพียง 2 ปีต่อจากนั้น “The Oprah Winfrey Show" กลายเป็นรายการทอล์คโชว์ที่มีเรตติ้งสูงสุดเท่า ที่วงการทีวีสหรัฐฯ เคยมีมา ความสำเร็จนี้ทำให้เธอผันตัวจากลูกจ้างกลายมาเป็นเจ้าของบริษัท Harpo (มาจากชื่อเธอแต่เขียนกลับตัวอักษร) เพื่อผลิตรายการเอง

นอกจากรายการโทรทัศน์ ผู้หญิงเก่งคนนี้ยังหันไปจับงานอีกหลายแขนง อาทิ การออกนิตยสารผู้หญิงชื่อ O หรือ “The Oprah Maga-zine" ซึ่งทำยอดผู้อ่านได้กว่า 2 ล้านคน และสร้างสถิติทำกำไรได้เร็วที่สุด การก่อตั้งเว็บไซต์โอปราห์ดอทคอมซึ่งมียอดเข้าชมกว่า 70 ล้านครั้งต่อเดือน การร่วมแสดงภาพยนตร์ “The Color Purple" ของสปีลเบิร์กผู้กำกับภาพยนตร์ จนได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ฯลฯ

แต่ในที่สุดฝันร้ายจากวันวานก็ตามมาหลอกหลอนเธอจนได้ เพราะแค่ถูกคนใกล้ชิดล่วงละเมิดทางเพศใน วัยเด็กยังไม่พอ โอปราห์ในยามโตกลับโชคร้ายยิ่งกว่า เมื่อถูกพ่อบังเกิดเกล้าข่มขืนซ้ำแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ทางกาย หากเป็นการข่มขืนจิตใจที่สร้างความเจ็บช้ำไม่แพ้กันด้วยวิธีแฉประจาน

ทันทีที่ได้รับแจ้งว่า เวอร์นอน วินฟรีย์ กำลังจะขายลูกสาวกินด้วยการเขียนหนังสือแฉชีวิตเธอ โอปราห์
รู้สึก ผิดหวังและสะเทือนใจมาก ก่อนหน้าเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า พ่อคือคนที่ช่วยให้เธอผ่านเรื่องเลวร้ายจากการสูญเสียลูกชายไปได้ ซึ่งทำให้เธอซาบซึ้งใจมาก ทว่าปัจจุบันพ่อกลับออกมาบอกว่า เขาควรจะทำโทษหรือกวดขันเธอให้มากกว่านี้ เพราะเขาเห็นว่าโอปราห์เป็นลูกสาวที่ดื้อด้านและแสนเกเร อีกทั้งยังหมายจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนชายให้สังคมรู้อีกด้วย

แม้จะถูกผู้เป็นพ่อหักหลัง แต่ความนิยมในตัวโอปราห์หาได้ลดลงไม่ เพราะไม่ว่าจะจัดอันดับผู้ที่ประสบความ สำเร็จ ร่ำรวย มีชื่อเสียง หรือมีอิทธิพลต่อชาวโลกครั้งไหน เจ้าแม่ทอล์คโชว์คนนี้เป็นต้องติดอันดับกับเขาทุกครั้ง ทว่าที่น่าชื่นชมที่สุดเห็นจะเป็นตำแหน่งคนใจบุญนั่นเอง ในปี ค.ศ.2006 นิตยสาร ฟอร์บส์ ยกย่องให้เธอเป็น 1 ใน 3 คนบันเทิงที่บริจาคเงินเพื่อการกุศลมากที่สุด

ใน ฐานะที่ทุ่มทุนกว่า 50 ล้านดอลลาร์ ให้องค์กรการกุศลของเธอเอง อย่างเครือข่าย Oprah’s Angel และมูลนิธิเพื่อเด็กและสตรี The Oprah Winfrey Foundation เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮอร์ริเคนแคทรีนา และแก้ปัญหาสังคม จากนั้นในปี ค.ศ.2007 โอปราห์ก็ได้รับการโหวตให้เป็นคนใจบุญอันดับ 1 ของโลก หลังบริจาคเงินเข้ากองทุน The Giving Back Fund เกือบ 60 ล้านดอลลาร์ นอกจากอำนาจเงิน (และอำนาจแห่งความดี) แล้ว เธอยังใช้อำนาจของการเป็นสื่อมวลชนผลักดันสิ่งดีๆ

ออก สู่สังคมอย่างต่อเนื่อง เช่นเรียกร้องให้รัฐสภาสหรัฐฯ ออกกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการทำร้ายเด็กและเยาวชนจนสำเร็จ และได้ชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “กฎหมายของโอปราห์” (Oprah’s Law) รวมทั้งเป็นตัวตั้งตัวตีในการนำเสนอกิจกรรมดีๆ ให้คนทั้งโลกได้มีส่วนร่วมฟรี เช่นจัด Oprah’sSoul Series Webcast ทอล์คโชว์ออนไลน์ ว่าด้วยเรื่องการพัฒนาจิตวิญญาณร่วมกับกูรูระดับโลกอย่าง Eckhart Tolle ผู้เขียนหนังสือ The Power of Now และ A New Earthซึ่งโอปราห์ยกย่องว่าเป็นหนังสือที่ดีที่สุดในโลก

นิยายชีวิตของโอปราห์ วินฟรีย์ เป็นแรงบันดาลใจให้เห็นว่า แม้อดีตจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาพร้อมกับศักยภาพอันทรงพลัง มากพอที่จะยกระดับปรับเปลี่ยนชีวิตและพัฒนาตนเองได้ ความสำเร็จรออยู่ข้างหน้า จงตั้งใจมั่นและทำปัจจุบันให้ดีที่สุด จำไว้ว่าอนาคตที่สวยงามเป็นจริงได้ และคุณเท่านั้นคือผู้กำหนด

ที่มา : kbeautifullife


รายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ตัวอย่างซอฟต์แวร์ชำระเงินบนสมาร์ทโฟน Android ซึ่งคาดกันว่ากำลังจะถูกพ่วงในแอนดรอยด์โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องดาวน์โหลดเอง(Bloomberg) ระบุว่าบริการชำระเงินออนไลน์ชื่อดังอย่าง PayPal กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับกูเกิล เพื่อให้ระบบ Paypal ไม่ได้เป็นแอปพลิเคชันบริการชำระเงินออนไลน์สำหรับอุปกรณ์ที่มาพร้อมระบบ ปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ธรรมดาทั่วไป แต่จะเป็นระบบที่ถูกผูกพ่วงหรือ integrate ในแอนดรอยด์โดยที่ผู้บริโภคไม่ต้องติดตั้งเอง

PayPal นั้นเป็นธุรกิจรับชำระเงินออนไลน์ในเครืออีเบย์ (eBay) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเว็บไซต์ประมูลสินค้าออนไลน์ชื่อดัง รายงานจากแหล่งข่าวนิรนามของบลูมเบิร์กระบุว่า PayPal และกูเกิลกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อพ่วงบริการ Paypal ในอุปกรณ์แอนดรอยด์ ซึ่งจุดประสงคต์หลักคือการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการซื้อแอปพลิเคชันแอ นดรอยด์ ให้สามารถซื้อและชำระเงินได้ง่ายขึ้น ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จผล บริการ Paypal ก็จะถูกติดตั้งลงในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ภายในปลายปีนี้

ปัจจุบัน การซื้อแอปพลิเคชันแอนดรอยด์ของผู้ใช้นั้นต้องเป็นการชำระเงินผ่าน เครดิตการ์ดบนบริการ PayPal และบริการรับชำระเงินออนไลน์ของกูเกิลซึ่งเป็นคู่แข่งกับ Paypal นามว่า Google Checkout อยู่แล้ว ซึ่งจุดนี้ยังไม่มีความแน่ชัดเนื่องจากทั้ง Paypal และกูเกิลเองต่างก็ไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆเพิ่มเติม

ที่ผ่านมา บริการของ PayPal นั้นสามารถรองรับการชำระเงินออนไลน์หลากหลายช่องทาง รวมถึงสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ โดย เมื่อเดือนมิถุนายน PayPal เพิ่งเปิดตัวบริการใหม่สำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชันให้สามารถรับชำระเงินค่า ซื้อแอปพลิเคชันจากบัตรเครดิตได้แม้ผู้ใช้จะไม่ได้เป็นสมาชิกบริการ PayPal ใช้ชื่อบริการสุดเสรีนี้ว่า Guest Payments ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดีทั้งผู้พัฒนาและผู้ซื้อแอปพลิเคชัน

สำหรับกรณีของแอปเปิล (Apple) คู่แข่งของแอนดรอยด์นั้นไม่มีปัญหาในการจัดการการชำระเงิน เนื่องจากแอปเปิลใช้ระบบร้านดาวน์โหลดคอนเทนท์ออนไลน์ไอจูนส์ (iTunes) ของตัวเองในการบริหารจัดการแบบครบวงจร ซึ่งรองรับทั้งผู้ใช้ iPhone, iPod Touch และ iPad เรียบร้อย

คาดว่าทั้ง 2 บริษัทจะออกมาแถลงรายละเอียดข้อตกลงในไม่ช้านี้

น่าจะปลอดภัยนะ เพราะ Paypal ก็การันตีเรื่องความปลอดภัยอยู่แล้ว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


จีนประกอบพิธีไว้อาลัยทั่วประเทศเมื่อวันอาทิตย์ รำลึกผู้ประสบภัยเหตุการณ์แผ่นดินถล่มร้ายแรงเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วในดิน แดนด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,200 ราย
สำนักงานของทางราชการและสถานทูตต่างลดธงชาติลงครึ่งเสา บรรดาธุรกิจบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ เช่น โรงภาพยนตร์ ร้านคาราโอเกะ เกมออนไลน์ ได้หยุดให้บริการชั่วคราว รวมถึงรายการบันเทิงทางโทรทัศน์ เว็บไซต์หลักๆ ของประเทศได้เปลี่ยนหน้าเว็บเป็นสีขาวและดำด้วย
สถานีโทรทัศน์ของรัฐถ่ายทอดพิธีไว้อาลัยในบริเวณศูนย์กลางของปักกิ่งอย่าง จัตุรัสเทียนอันเหมิน แสดงให้เห็นถึงผู้คนเรือนหมื่นที่มาร่วมพิธีใน บรรยากาศเศร้าโศกเมื่อเช้าตรู่วันอาทิตย์
เมืองโจวชู ในมณฑลกานซูทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศได้รับความเสียหายจากอุบัติภัย เนื่องจากดินบนภูเขาถล่มลงมาสร้างความเสียหายให้พื้นที่ด้านล่างเมื่อสุด สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากฝนได้กระหน่ำลงมาอย่างหนักผิดปกติ ปัจจุบันยอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นถึง 1,239 ราย และอีก 505 รายยังสูญหาย
หนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี กระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้รายงานว่า การแสดงออกถึงความเศร้าโศกของมวลชนอย่างกว้างขวางทำให้เห็นถึงการร่วมแรง ร่วมใจกันที่จะฝ่าฟันหายนะครั้งนี้
ทางการได้เตือนมาเป็นเวลาหลายปีแล้วว่า การตัดไม้ทำลายป่าอย่างหนักหน่วงและการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำอย่างรวดเร็ว จะทำให้พื้นที่ภูเขาที่เกิดดินถล่มนั้นสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมและแผ่น ดินเลื่อน
รายงานของรัฐบาลเมื่อปีที่แล้วได้เรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน ในการทำแนวป้องกันทางสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของเมืองโจวชูที่ลงความเห็นว่า เป็นเขตหายนภัยที่มีโอกาสสูงที่จะเกิดแผ่นดินถล่ม

ที่มา : thaipost


| | edit post
(ภาพจาก shanghaiist.com)


Google กุมขมับ จีนขยันเลียนแบบ ยื่นฟ้องเว็บไซต์ Goojje ฐานละเมิดเครื่องหมายการค้า เกรงทำให้สับสน...

เว็บ ไซต์ เทคอายดอทเน็ตรายงานอ้าง หนังสือพิมพ์เดอะ เซินเจิ้น อีโคโนมิค เดลี่ ว่า เว็บไซต์เสิร์จเอนจิ้นยักษ์ใหญ่อย่าง กูเกิ้ล (Google) ฟ้องร้องเว็บไซต์ Goojje ของสาธารณรัฐประชนจีน ฐานละเมิดเครื่องหมายการค้าเพราะใช้โลโก้คล้ายกัน อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้

โดย Goojje เป็นเว็บไซต์สำหรับหาเพื่อน เปิดตัวเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตุถึงชื่อของเว็บไซต์ ว่า นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่ละม้ายคล้ายกันแล้ว ความหมายของอักษร 2 ตัวสุดท้าย ของ Goojje ยังมีความหมายว่า Big sister หรือ พี่สาวคนโต ทำนองเดียวกับ Google ซึ่งอักษร 2 ตัวท้าย มีความหมายว่า Big brother หรือ พี่ชายคนโต

ที่มา : thairath.co.th


เวลาพูดเรื่อง “นิวเอจ” หลายคนในบ้านเราทำหน้างง บางคนก็ถามว่ามันคืออะไร? แม้จะไม่ใช่เรื่องที่คนส่วนใหญ่สนใจ แต่ใช่ว่าจะไม่รับเอาอิทธิพลของมันมา เอาเป็นว่ามาทำความรู้จักกับมันหน่อยแล้วกัน

จริง ๆ “นิวเอจ” ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่นักมีมานับสิบ ๆ ปีแล้ว เพียงแต่บ้านเราไม่ค่อยพูดถึงเท่านั้น แต่แม้ไม่พูดถึงอิทธิพลของนิวเอจและลัทธิความเชื่อนี้ก็แทรกแซงอยู่ในสังคม ไทยแทบทุกวงการ ไม่ว่าสื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือ ภาพยนตร์ ตลอดจนวิถีปฏิบัติ ดนตรี และ ฯลฯ ยกตัวอย่างที่กำลังฮือฮาในเวลานี้ก็เห็นจะเป็นหนังสือและซีดีเรื่อง The Secret โดยรอนด้า เบิร์นหรือเล่มอื่นๆ ที่เข้ามาทำกระแสเป็นพัก ๆ เช่น The Conversation With God ในช่วงก่อนหน้านี้ และยังมีหลายๆ เล่มที่ร้านหนังสือบ้านเรายังไม่ได้ขึ้นป้ายจัดหมวดหมู่ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ กันหรือแม้แต่ภาพยนตร์ก็มีมาให้เห็นเรื่อยๆ ตัวอย่างชัดๆ เห็นจะเป็น The Golden Compass หรือพวกดนตรีกรีนมิวสิคทั้งหลายตลอดจน การแพทย์ทางเลือก การใช้ยาแผนโบราณ ซึ่งบ่อยครั้งก็มักมีมิติด้านจิตวิญญาณบางอย่างอยู่ด้วย เช่น แนวคิดการผสมผสานกาย ใจและจิตวิญญาณ เป็นต้น ซึ่งแต่ละอย่างที่กล่าวมาล้วนมีสิ่งดีๆ มากมายทว่า นี่คือทางเลือกของคนยุคใหม่จริงหรือ ก่อนอื่นมาดูที่มาที่ไปของลัทธินิวเอจกันคร่าวๆ

พวกนิวเอจสนับสนุนความคิดที่ว่าคนเราสามารถที่จะพัฒนาพลัง ในตัวของเราเอง และเป็นพระเจ้าได้ เมื่อพูดถึงพระเจ้า พวกเขา จะไม่พูดถึงพระเจ้าผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง หรือพระเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่ง ที่เรารู้จักเป็นส่วนตัวได้ แต่จะพูดถึงพระเจ้าในลักษณะที่เป็น จิตสำนึกที่สูงส่งกว่าพวกเขา พวกที่เชื่อในลัทธินิวเอจจะมองตัว ของเขาเองว่าเป็นพระเจ้า เป็นพลังงานในจักรวาล หรือเป็นจักรวาล เลยด้วยซ้ำไป ในความเป็นจริงแล้ว ตามความเชื่อของพวกเขา ทุกอย่างที่คนๆนั้นเห็น ได้ยิน รู้สึกหรือจินตนาการได้จะถูกเรียกว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (พระเจ้า) ทั้งสิ้น (แค่นี้ก็ไม่ถูกพระคัมภีร์ล่ะ

พวกนิวเอจเลือกที่จะใช้ความหลากหลายในการอธิบายถึงความเชื่อของเขา ซึ่งถูกเรียกว่าการสะสมธรรมเนียมโบราณด้านจิตวิญญาณ พวกเขารับทราบ ถึงการมีอยู่ของเทพเจ้าและเทพธิดาทั้งหลาย เหมือนกับชาวฮินดู โลกนี้ถูกมองว่าเป็นแหล่งของสิ่งที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณทั้งหลาย และมีสติปัญญา อารมณ์ความรู้สึกและความเป็นพระเจ้าอยู่ในตัวของมันเอง แต่สิ่งที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือตนเอง ตนเองคือแหล่งกำเนิด ผู้ควบคุมและ พระเจ้าของทั้งหมด ไม่มีความจริงอื่นใดนอกเหนือจากที่ตนเองกำหนดให้มันมี

ลัทธินิวเอจสอนเนื้อหาที่กว้างขวาง เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับของโลกตะวันออก และจิตวิญญาณ ปรัชญาที่เกี่ยวข้องความจริงในธรรมชาติ เทคนิคเกี่ยวกับเรื่องพลังจิต ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการหายใจ การสวด การรัวกลอง การทำสมาธิ เพื่อที่จะพัฒนาความเปลี่ยนแปลงภาวะจิตและการเป็นพระเจ้าของเขาผู้นั้น

ประสบการณ์ในทางลบที่คนๆหนึ่งมี (ความล้มเหลว ความเศร้าเสียใจ ความโกรธ ความเห็นแก่ตัวและความเจ็บปวด)นั้น เป็นเพียงภาพลวงตา การเชื่อว่าตัวเขาเองคือ ผู้ที่ควบคุมอย่างสมบูรณ์เหนือชีวิตของตน ไม่มีสิ่ง ที่ไม่ถูกต้องในชีวิตของพวกเขา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นในทางร้ายหรือเป็นความเจ็บปวดก็ตาม คนๆหนึ่งในเวลาต่อมา สามารถพัฒนาทางจิตวิญญาณจนมาถึงจุดที่ว่า ชีวิตไม่มีจุดประสงค์ใดๆ ไม่มีความเป็นจริงใดๆภายนอก คนๆนั้นได้กลายมาเป็นพระเจ้า และสร้างความเป็นจริงของเขาขึ้นมาเอง

สรุปก็คือ เป็นการตั้งตัวเป็นพระเจ้านั่นเอง อันนี้เราก็น่าจะคุ้นๆ อยู่ว่า เหมือนใคร

ลองอ่านพระธรรมอิสยาห์ บทที่ 14 ข้อ 12-14 ดู

12 "โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณเจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ
13 เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า 'ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้าณที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน {คือ สถานเทพชุมนุม}ณที่อุดรไกล
14 ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด'

นี่คือตัวอย่างของภาพยนตร์ หรือสื่อที่ได้รับอิทธิพลจากลัทธินิวเอจ อาจจะไม่ได้รับโดยตรง แต่ก็มีแทรกๆ อยู่บ้าง คงรู้จักกันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบายเยอะ







ที่มา : jesus-christ-in-bible.blogspot


Amazing in Thailand

เขียนโดย Panya Chitmedha On 01:51 0 ความคิดเห็น

วัด โพธิ์

หอคอย เมืองสุพรรณ

แสงทอง : เขื่อนรัชประภา เขาสก

ปันหยี

น้ำตก เหวนรก เขาใหญ่

พระธาตุ กองมู แม่ฮองสอน

สิมิลัน

ทีลอซู ฤดูใบไม้ร่วง

ผาแต้ม

น้ำตก แสงจันทร์ อุบล

ไร่สเต อเบอรี่ ที่หมู่บ้านนอแล ที่ดอยอ่างข่าง

ดอยหลวง เชียงดาว

ภูแลนคา ชัยภูมิ

ทุ่ง แสลงหลวง

น้ำตก บักเตว : อีกชื่อน้ำตกห้วยหลวง อุบล

เกาะทับ ทะเลแหวก, กระบี่

ดอยแม่ ตะมาน

วัดถ้ำ เสือ กาญจนบุรี

ห้วยน้ำ ดัง

หมู่ เกาะพีพี พังงา

ดอกพญา เสือโคร่งบาน ที่ขุนช้างเคี่ยน

นาข้าว ขั้นบันได แม่แจ่ม

ปากน้ำ ระนอง

ห้วยน้ำ ดัง

น้ำตก พรหมโลก นครศรีธรรมราช

ทะเล ทรายเมืองไทย แม่น้ำโขง






Categories