
บางคน เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงาน ก็คิดถึงแต่ภารกิจ หรือความเมื่อยล้าจากสิ่งอื่นๆ หาเหตุลาป่วยเอาดื้อๆ ไม่ว่าคุณจะจัดอยู่ในพวกไหน คุณกำลังขาดแหล่งพลังผลักดันที่สำคัญอย่างหนึ่งในตัวไป เราเรียกพลังนั้นว่า "ความมีวินัยในตนเอง" อย่าพึ่งโกรธ หรือตีความเอาว่าผม (ผู้เขียน) มีอคติต่อคุณนะครับ ลองฟังผมพูดเสียก่อน
ลองจินตนาการตามผมดูนะครับ สมมติว่าคุณกำลังบริหารวิ่งออกกำลังกายที่สวนลุม จนใกล้จะครบจำนวนครั้งที่กำหนดไว้ ซึ่งคุณรู้ว่าเมื่อทำจนครบแล้ว คุณต้องหมดแรงพอดิบพอดี แต่ทันใดนั้น ก็มีชายชรามหาเศรษฐีคนหนึ่ง เอาเงินมามอบให้คุณ 1 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขว่า ขอให้คุณวิ่งออกกำลังกายต่อไปอีก 3 รอบ แน่นอนว่าถึงตอนนี้ ไม่ว่าคุณจะเหนื่อยเท่าไร คุณก็วิ่งต่อได้อีก 3 รอบอย่างไม่ต้องสงสัย
เอาละ คราวนี้มาดูว่าถ้าไม่มีเงิน 1 ล้านนี้มาให้คุณ คุณจะวิ่ง 3 รอบที่ว่านี้เพิ่มเติมหรือไม่ ถ้าคำตอบคือไม่ละก็ ตอนนี้แหละ คุณกำลังขาดแคลนวินัยในชีวิตอยู่ครับ เพราะคุณยังเอาชนะจิตใจตัวเองโดยไม่มีสิ่งเร้าจากภายนอกไม่ได้ ผมยืนยันในทฤษฎีนี้ได้เลยว่า เมื่อใดก็ตามที่คุณเป็นเจ้านายของจิตใจคุณการดำเนินชีวิตคุณ จะเต็มไปด้วยความเข้มข้นอย่างไม่ต้องสงสัย
มารู้จักกับคำว่าวินัยในตัวเองกันดีกว่า
สมมติให้ "วินัยในตัวเอง" เป็นผู้ชายหนึ่งและเป็นเพื่อนคุณ คุณพาเพื่อนคุณคนนี้ไปแนะนำกับทุกๆคนในงานเลี้ยง ไม่บอกก็รู้ว่า ทันทีที่ถูกแนะนำตัว ทุกคนจะพากันเกลียดเขาทันที "วินัย" จะวิ่งไปมาอย่างรวดเร็วในงาน คำพูดที่จะได้ยินจากเขาคือ "เอาบุหรี่นั่นออกจากปากคุณเถอะ แล้วก็เลิกสูบบุหรี่เสียที ไม่อยากอยู่กับลูกเมียนานๆหรือ" "เหล้านั่นเป็นสิ่งไม่ดี เลิกดื่มเสียเถอะ" "อย่ามัวกินอาหารขยะ (Junk food) อยู่เลย ไม่มีประโยชน์ อ้อ.. แล้วก็เลิกมองแฟนสาวของเพื่อนคุณด้วย" แน่นอนว่าทุกๆคนแทบรอไม่ไหว ที่จะพร้อมใจกันโยนเขาออกนอกงาน เหตุผลน่ะหรือ ง่ายมากครับ
"วินัยในตัวเอง" มีชื่อเสียงตกอับมานาน ตัวมันถูกปฏิเสธมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ หลายพันปีโน่นแล้ว เป็นแฟชั่นมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้วว่า ต้องทำตามความชอบก่อน ส่วนผลของมันเป็นอย่างไร เอาไว้ว่ากันทีหลัง มันไม่แปลกหรอกที่คุณก็เป็นคนหนึ่ง ที่จมอยู่กับความคิดตามแฟชั่นแบบนี้ กินมากกว่าที่ร่างกายต้องการ ,นอนจนเกินความจำเป็น ,ดีแต่พูด แต่ไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่พูดเสียที นี่แหละ นิสัยเหล่านี้แหละ ที่เป็นแฟชั่นอันโด่งดังอย่างแท้จริง
อีกด้านหนึ่งนั้น "วินัยในตัวเอง" ไม่ใช่ธรรมชาติที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ไม่ได้มากับกรรมพันธ์ แต่ได้มาด้วยการสร้างขึ้นเองต่างหาก รากศัพท์ของคำว่า Discipline (วินัย) คือ สิ่งใดก็ตามที่ติดยึดอยู่กับหลักการ เมื่อรวมกับคำว่า Self รวมกันก็คือ การติดยึดเกี่ยวกับหลักการของคุณเอง คนทั่วไปส่วนมากมีชีวิตอยู่โดยไม่มีหลักการเลย
เริ่มต้นอย่างไร - มันเป็นเสียงที่อยู่ในใจคุณ
ทุกๆคนสามารถได้ยินเสียงจากจิตใจคุณ เราต่างต้องพึ่งพามัน จิตใจจะพูดกับเราตลอดเวลา ให้เราทำอย่างนั้น ให้เราทำอย่างนี้ สิ่งใดก็ตามที่จิตใจพูดกับเรา มันจะขึ้นอยู่กับของสามสิ่ง สัญชาติญาณ มันคือผลึกความคิดของคุณ ที่ตกตะกอนมาจากสิ่งที่พ่อคุณสอนคุณในสมัยเด็ก และเมื่อคุณโตขึ้นมาอีก มันก็คือผลึกความคิดที่มาจากสิ่งที่คุณได้พบเห็นด้วยตัวเอง
ถ้าคุณมีภูมิหลังอันเลวร้าย และยังคงมีมันอยู่ ก็เป็นไปได้ว่าจิตใจคุณก็จะบอกคุณให้ทำแต่เรื่องทางลบ ในทางกลับกัน ถ้าชีวิตที่ผ่านมาของคุณ เจอแต่เรื่องดีๆ ได้รับการสั่งสอนในทางที่ดี ก็มีแนวโน้มเป็นอย่างมากที่คุณจะมีความคิดในทางบวก และเจ้าความคิดทางบวกนี่เองที่มีส่วนในการสร้าง "วินัยในตัวเอง" ให้คุณ
เพื่อให้ได้มาซึ่งวินัยในตัวเองนั้น ก่อนอื่นคุณต้องยอมรับตัวคุณเองก่อน ว่าคุณเป็นคนแบบไหน ลองดูสิว่าคุณเป็นคนประเภทไหน
ก.) "ผมไม่แน่ใจว่าผมจะทำอันนั้นได้ครับ" "ผมอยากเกิดมามีอย่างผู้ชายคนนั้นจริงๆ" "กว่าผมจะได้มีโอกาสดีๆ ทุกอย่างมันก็สายไปเสียแล้ว" "คงไม่มีอะไรเสียหายหรอกน่า ถ้าวันนี้ฉันจะไม่ ... สักวัน" "ฉันหวังว่าที่ฉัน ... ไปวันนี้ มันคงจะได้ผลนะ"
ข.) "ผมมั่นใจเลยว่ามันต้องได้ผล" "นับวัน ผมยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายเข้าไปทุกที" "ผมมั่นใจว่าระบบนี้ต้องได้ผลเต็มที่" "ผู้รู้สึกว่าทำสำเร็จมากขึ้น" "ผมรู้ว่าอีกไม่นาน ผมจะทำได้มากกว่าวันนี้เยอะเลย"
เอาละ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนประเภท ก.ไก่ หรือ ข.ไข่ ก็จงยอมรับตัวเองก่อน จากนั้นก็ถึงเวลาที่คุณควรรู้ไว้ตั้งแต่วันนี้เลยว่า คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นได้ ผมพูดได้เพราะมีคำยืนยันจากนักวิจัยว่า คุณสามารถเลือก จะให้จิตใจคุณพูดกับคุณว่าอย่างไร และเมื่อมันพูดแล้ว คุณก็มีหน้าที่ทำตามมันเท่านั้น ลองเลือกสิ่งเหล่านี้เอาไว้สั่งจิตใจคุณดูสิครับ
1.การวางแผนว่าต้องการจะให้คนอื่นเห็นคุณเป็นอย่างไร ไม่ใช่ใส่ใจว่าตอนนี้คุณเป็นอย่างไร
2.จงทำสิ่งต่างๆตรงนี้ และเดี๋ยวนี้ เพื่อสิ่งดีๆในอนาคต คุณจะต้องลืมสิ่งที่ผ่านมาในอดีตเสีย พยายามให้จิตใจคุณเตือนคุณให้บ่อยที่สุดว่า อดีตก็คือขยะของปัจจุบันเท่านั้น มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
3.ให้เสียงในใจของคุณ บอกจุดประสงค์แบบเน้นไปเลยว่า ต้องการอะไร อย่างเช่น ไม่ควรจะคิดว่าต้องการให้น้ำหนักลด แต่ที่ถูกแล้ว จะต้องบอกว่า ต้องการน้ำหนักลด 10 กก.ภายในสามเดือน หรือต้องการเพิ่มน้ำหนักให้ได้อีก 15 กก. ยิ่งคุณบอกได้ละเอียดเท่าใด จิตใต้สำนึกของคุณ ก็จะทำงานให้คุณดีขึ้นเท่านั้น
4.เวลากรอกความคิดเข้าไปในจิตใจ คุณควรใส่อารมณ์เข้าไปด้วย เพราะถ้าพูดทื่อๆตรงๆ มันไม่น่าเร้าใจเอาเลย อย่างเช่นแทนที่จะพูดว่า "ฉันจะทำให้หน้าท้องเห็นเส้นเลือด" คุณควรจะพูดว่า "จะรู้สึกดีขนาดไหนนะ ถ้าฉันเล่นกล้ามท้องจนไขมันหายไปหมด จนเห็นเส้นเลือดเกาะอยู่ที่หน้าท้องเลย"
5.ร่วมมือกับเสียงภายในใจของคุณ โดยหลับตานึกถึงภาพตอนที่คุณ ทำสถิติเรื่องใดสักเรื่อง จนไม่มีใครสู้ได้ ทั้งหมดนี้ ทำก็เพื่อให้จิตใจคุณเห็นว่า ควรจะนำตัวคุณไปในทิศทางใด
6.หลีกเลี่ยงคนที่มีความคิดเป็นลบ คนพวกนี้ชวนคุณให้คิดแง่ลบตามเขา แม้ว่าคุณอาจไม่เชื่อเขาในตอนแรก แต่พอฟังพวกนี้พูดบ่อยๆ มันจะค่อยๆซึมซาบเหมือนยาพิษ เข้าไปในตัวคุณ มันจะทำลายความมีวินัยในตัวคุณ และที่สำคัญที่สุดคือ ทำลายความสำเร็จของคุณครับ
ทำให้ความมีวินัยในตัวเอง ของคุณ ขยายออกไป
เมื่อคุณมีแนวคิดที่เป็นบวก ความมีวินัยในตัวเองของคุณจะเติบโตขึ้น คุณจงทำให้มันเติบโตอยู่อย่างนั้น และนี่คือกลยุทธ์ที่คุณควรนำไปปฏิบัติ
1.สร้างเป้าหมายในชีวิตเสมอ - คิดว่าคุณคงเคยเห็นอดีตนักกีฬาชื่อดังหลายคน เมื่อเลิกราวงการไปแล้ว ปล่อยตัวให้อ้วนดูน่าเกลียด นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเขาจะบริหารร่างกายไปอีกทำไม ในเมื่อเขาไม่ได้แข่งขันอะไรแล้ว ซึ่งในความเป็นจริง ชีวิตคนเรามีเป้าหมายที่น่าทำตั้งมากมาย แต่เขาเหล่านั้นไม่ยอมกำหนดให้ตัวเองต่างหาก คนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตก็คือคนที่ไม่มีหลักการ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงคำสบประมาทนี้ คุณจะต้องสร้างเป้าหมายใหม่ๆเสมอ
เริ่มถามตัวคุณเองว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการทำต่อไป ลองสนใจเรื่องใหม่ๆของคุณ ตั้งเป้าให้มันเลยว่า จะให้มันจะสำเร็จอย่างไร เมื่อคุณมีเป้าหมายใหม่ๆ คุณก็จะมีหนทางใหม่ๆให้ทำ มีความกระตือรือร้นเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่จะเพิ่มแรงผลักดันที่ดีในจิตใจคุณ มันทำให้คุณมีวินัยในตัวเองเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นวัตถุดิบพาไปสู่เป้าหมาย
2.ทำบ่อยๆ - ลองคิดถึงการหัดขับรถของคุณดู สมัยแรกๆคุณตัวแข็งทื่อ จะเลี้ยว จะถอยหลัง ล้วนดูแล้วยากทั้งสิ้น แต่เมื่อคุณขับบ่อยเข้า คุณก็สามารถทำทุกอย่างได้โดยอัตโนมัติ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่บอกคุณว่า เมื่อจะทำอะไรลำบาก คุณควรจะทำมันทีละน้อยๆ บ่อยครั้งเข้า ในที่สุดคุณก็จะสามารถทำได้ การสร้างวินัยในตัวคุณเองก็เช่นกัน ควรค่อยๆสั่งสมไปทีละน้อย
อย่าคิดว่าการสั่งสมทีละน้อยๆนี้จะไม่มีค่า เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คุณก็จะมาถึงสุดขอบที่ผู้ชนะทั้งหลายเขามาถึงกัน การกัดไม่ปล่อยแบบนี้ ส่งผลให้คุณเห็น แรกๆคุณแทบตาย แต่เมื่อค่อยๆหัดไป ในที่สุดคุณก็จะทำได้เป็นนิสัย
ผมเคยใช้เทคนิคนี้ เพื่อเอาชนะผู้แข่งขัน ผมคิดว่าการจะชนะคนบางคน ที่มีพรสวรรค์ในร่างกายดีกว่าผม ผมจะต้องมีวินัยในตัวเองที่เยี่ยมยอด นั่นหมายความว่า ผมจะต้องมีความพยายามมากกว่าคนอื่นนั่นเอง
ข้อควรจำคือ "การมีวินัยในตัวเอง" เป็นเรื่องของการควบคุมจิตใจ ใครก็ตามที่ควบคุมใจตัวเองไม่ได้ เขาผู้นั้นก็ควบคุมการกระทำของตัวเองไม่ได้ และคนที่ควบคุมการกระทำไม่ได้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะสร้างความสำเร็จให้ตัวเองได้สักเรื่อง คุณจะต้องเลือกเป้าหมายของคุณ สร้างเสียงในจิตใจคุณขึ้นมา และอะไรที่อาจมีอิทธิพลทำให้จิตใจคุณเบื่อหน่ายวินัยในตัวเองได้แล้วละก็ จงอยู่ห่างๆไว้ดีที่สุด
คำพูดสุดท้ายของบทความนี้คือ ภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่ได้อ่านบทความนี้จบ คุณสมควรที่จะยกระดับความมีวินัยในตัวเองของคุณให้สูงขึ้น แล้วมันจะให้ผล อย่างที่คุณไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับ รอช้าทำไมเล่าครับ
ที่มา : www.tuvayanon.net
Tweet
0 Response to 'การสร้างวินัยในชีวิต'
แสดงความคิดเห็น